เครื่องเคียงข้างจอ/จันทร์พันดาว ร้องสู้ฝัน ซีซั่น 1

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

จันทร์พันดาว ร้องสู้ฝัน ซีซั่น 1

“พี่…หนูเลือกคนผิด”

เป็นคำพูดหลังเวทีของผู้ร่วมรายการจันทร์พันดาว ร้องสู้ฝันในรูปแบบใหม่ที่เพิ่งออกอากาศไปได้ 2 ตอน

จากคำพูดข้างบน คนที่ยังไม่ได้ดู คงสงสัยว่า รายการเปลี่ยน เป็นรายการหาคู่แล้วเหรอ…ถึงได้ “หนูเลือกคนผิด” เช่นนี้

ไม่ใช่ครับ ยังเป็นรายการที่เปิดโอกาสให้คนที่มีความฝัน อยากให้ชีวิตมีโอกาส มีคุณภาพที่ดีขึ้น ได้สมัครเข้ามาร่วมรายการ โดยใช้ความสามารถในการร้องเพลงมาแสดง

แต่เพื่อความสนุกเข้มข้นของรายการ จึงได้มีการปรับการแข่งขันใหม่ ให้เป็นแบบซีซั่น นั่นหมายถึงว่าเป็นการแข่งขันที่มีเส้นชัยโดยคัดเป็นรอบๆ จนสุดท้ายได้ผู้ชนะหนึ่งคน ในเวลา 16 สัปดาห์ จบซีซั่น 1 ก็ต่อด้วยซีซั่น 2 เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

สําหรับการแข่งขันในรูปแบบใหม่ที่ว่านี้ก็คือ จะมีการแข่งขันเป็นรอบๆ ในรอบหนึ่งจะมีผู้แข่งขันร้องเพลงประจำที่แท่นจำนวน 8 คน

รายการจะสุ่มหาผู้ที่จะได้เป็น “เสียงตั้งต้น” ลงมาร้องเพลงที่กลางเวที

ระหว่างที่เสียงตั้งต้นร้องนั้น ผู้แข่งขันอีก 7 คนที่เหลือจะประเมินว่า “เราสู้ไหวไหม” ถ้าคิดว่าสู้ไหวก็จะกดไฟเพื่อแสดงตัวว่า “ฉันขอสู้กับเธอนะจ้ะ”

พอจบเพลง ก็จะมาดูว่ามี “เสียงท้าชิง” ทั้งหมดกี่คน แต่ไม่ว่าจะกี่คนก็ตาม รายการให้สิทธิ์เสียงตั้งต้นดูโหงวเฮ้ง ดูท่าทีผู้ท้าชิงนั้นๆ และเลือกให้ลงมาแข่งกับตัวได้ 2 คน

พอเสียงท้าชิง 2 คนแสดงความสามารถจบลง ก็เป็นหน้าที่ของกรรมการที่จะตัดสินว่า ใน 3 คนนี้ใครสมควรเป็นผู้ชนะ และได้เข้ารอบที่ 2 ต่อไป ส่วนอีกสองคนที่แพ้ก็ตกรอบกลับบ้านไป

จากนั้นก็แข่งกันต่อ โดยเติมผู้แข่งขันที่หายไป 3 คนให้ครบ 8 คนเช่นเดิม แล้วก็หาผู้เข้ารอบคนต่อไปง่ายๆ อย่างนี้เอง

รายการตอนหนึ่งจะหาผู้เข้ารอบได้ 2 คน ตอนนี้รายการออกไปแล้ว 2 ตอนก็ได้ 4 คน รายการต้องการผู้เข้ารอบ 12 คน ก็จะยังเหลืออีก 4 สัปดาห์ที่ต้องลุ้นกันว่าจะเป็นใคร

ฟังดูเหมือนไม่ต่างจากรายการแข่งร้องเพลงอื่นๆ แต่พอดูเนื้อในแล้วจะพบรสชาติที่แตกต่างออกไป ซึ่งทำให้รายการสนุกเข้มข้นไม่น้อย นั่นคือการตัดสินชะตาชีวิตตัวเองว่า ฉันจะสู้หรือไม่สู้ สู้อย่างไร

และที่ผ่านมาผู้แข่งขันทุกคนล้วนมีความเชื่อมั่นกับความ สามารถของตน และไม่คิดยอมใคร ดังนั้น อารมณ์ของการ “ข่มกัน” “บลั๊ฟฟ์กัน” จึงเกิดขึ้นเหมือนการตัดไม้ข่มนามเวลาจะออกศึก

ได้คุยกับผู้ร่วมรายการ เขาบอกว่าดีที่เราได้ประเมินศักยภาพตัวเอง และต้องคิดว่าถ้าจะแข่งกับเสียงตั้งต้นเราต้องทำยังไงบ้างเพื่อให้ประทับใจกรรมการกว่า

เสียงตั้งต้นก็ต้องวาดลวดลายให้สุดๆ เพราะไม่รู้เลยว่าคู่แข่งจะมาดีแค่ไหน

นี่แหละคือความสนุก ที่ได้ลุ้นกันตลอด

ในรายการ 2 ตอนที่ผ่านไป ผู้ที่ได้เป็นเสียงตั้งต้น 3 คนแรกเอาชนะผู้ท้าชิงได้หมด มีคนที่ 4 นี่แหละ คือ “น้องแตงกวา” เจ้าของคำพูด “พี่…หนูเลือกคนผิด” นั่นเอง

แตงกวาถูกเลือกลงมาเป็นเสียงตั้งต้น เธอลงมาด้วยท่าทางมั่นใจสุดๆ เพราะมีประสบการณ์การร้องบนเวทีมาไม่น้อย

เพลง “อกหัก” ของวงบอดี้สแลม ที่เธอร้อง เป็นเพลงแนวร็อกเข้ากับบุคลิกถึงไหนถึงกันของเธอได้ดี

ตลอดการร้องผู้ชมในห้องส่งสนุกสนานไปกับลีลาของเธอ จนได้รับเสียงปรบมือลั่นเมื่อเพลงจบลง

ปรากฏว่ามีคนขอท้าชิงเธอถึง 5 คนด้วยกัน คงหมั่นเขี้ยวเธอกันแน่ๆ หลังจาก ซี-ศิวัฒน์ พิธีกรได้ถามว่าทำไมถึงกดไฟขอสู้จากทั้ง 5 คนแล้ว แตงกวาก็ต้องเลือกลงมา 2 คน และแตงกวาก็เลือก “ข้าวโอ๊ต” กับ “นิ้งหน่อง” ลงมา

เธอมาเล่าให้ฟังทีหลังว่า หนูดูจากการพูดคุยและโหงวเฮ้งเขาแล้ว เห็นดูมึนๆ งงๆ ดูไม่ค่อยเท่าไหร่จึงเลือกลงมา

และเธอก็เลือกให้ “นิ้งหน่อง” ร้องก่อน

นิ้งหน่องเป็นผู้ชายมาดเข้มหน้าเรียบเฉย แต่พอร้องออกมาด้วยเพลง “คิดถึง” ของ หรั่ง ร็อคเคสตร้า ก็ทำเอาทุกคนตะลึงกับน้ำเสียงที่เข้ม ถึง และบาดใจ โดยเฉพาะท่อนที่ต้องโหนเสียงสูงที่ว่า

“…คิดถึงเธอแทบใจจะขาด อยากให้เธอกลับมาสักที คิดถึงเธอทุกวินาที…อยากจะพบเธอคนเดียว”

นิ้งหน่องเอาคนดูและกรรมการอยู่ทีเดียว

กล้องจับไปที่หน้าแตงกวาที่เริ่มรู้สึกสั่นคลอนกับความเชื่อมั่นของตัวเอง และเมื่อจับไปที่ข้าวโอ๊ตที่รอจะร้องต่อไป ก็เห็นได้ถึงสีหน้าที่กำลังครุ่นคิดว่า “กูจะเอาไงดีวะ”

นิ้งหน่องมาบอกภายหลังว่า เขาร้องเพลงคิดถึงนี้ให้กับแม่ของเขาที่เพิ่งเสียไป มิน่าถึงได้ร้องได้อารมณ์ขนาดนั้น

“ข้าวโอ๊ต” ออกมาสู้ด้วยเพลง “ฟ้า” ของวงแทตทูคัลเลอร์ ซึ่งเขาก็ทำได้ไม่เลว จนแม้กรรมการเองก็ยังบอกเลยว่า ถ้าข้าวโอ๊ตไม่ได้ร้องในกลุ่มนี้ ไปร้องกลุ่มอื่นก็มีสิทธิ์ที่จะชนะเช่นกัน

สรุปผู้ชนะไปก็คือ “นิ้งหน่อง” ใครอยากชมเพลง “คิดถึง” ของเขา สามารถย้อนดูในเฟซบุ๊กของรายการ หรือในยูทูบได้นะครับ

พูดถึงกรรมการ รายการมีผู้มานั่งเป็นกรรมการอยู่ 5 คน แต่ละคนก็มองและตัดสินในมุมต่างๆ กัน

“ปาน ธนพร” กับ “ปั๋ง-ประกาศิต” นั้น ดูเรื่องการร้อง และการใช้เสียงเป็นหลัก ปั๋งจะดูเพิ่มไปอีกว่าถ้าจะปั้นคนนี้เป็นนักร้องจะไหวไหม

“ดีเจเจ๊แหม่ม” ดูเรื่องบุคลิกภาพและเสน่ห์ ว่ามีมากน้อยแค่ไหน

อีก 2 คน เป็นกรรมการเดิมของจันทร์พันดาวอยู่แล้วคือ “เกรซ-กาญจน์เกล้า” และ “เป๊กกี้ ศรีธัญญา”

เกรซจะดูอินเนอร์ข้างใน และการแสดงออกของอารมณ์ เพราะเธอเป็นนักแสดง

ส่วนเป๊กกี้จะดูการพูดจาโต้ตอบ ปฏิภาณ และการแสดงออกบนเวทีว่าเป็นมืออาชีพแค่ไหน

อีกหนึ่งของรายการการแข่งขันร้องเพลง ที่คนมีฝันในชีวิตมาประชันกันด้วยความเข้มข้น เกทับบลั๊ฟฟ์แหลก อยากให้ติดตามดูกันทางช่อง 7 สี วันจันทร์ เวลา 23.10 น.

ลุ้น สนุก และเพลิดเพลินกับเสียงเพลงกันก่อน แล้วค่อยเข้านอนหลับฝันดีกับ “จันทร์พันดาว ร้องสู้ฝัน” ซีซั่น 1 ครับ