ราเมศ ติง ไม่ควรชุมนุมเพื่อข่มขู่ คุกคาม กดดันศาลรธน.

ราเมศ ติง ไม่ควรชุมนุมเพื่อข่มขู่ คุกคาม กดดันศาลรธน.

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ประกาศจะเดินทางไปศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 2 ธันวาคม เวลา 15.00 น. ว่า หลักการในเรื่องนี้ควรให้เกียรติอำนาจตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาวินิจฉัยที่มีผู้ร้องคดีไปยังศาล มีขั้นตอนวิธีพิจารณาที่ตรงไปตรงมาตรวจสอบได้ ทั้งคำวินิจฉัยส่วนตนและคำวินิจฉัยกลาง คดีของนายกรัฐมนตรีก็เช่นกัน เมื่อมีการร้องมายังศาลรัฐธรรมนูญ ก็เป็นหน้าที่ที่จะต้องพิจารณาไปตามข้อเท็จจริง และเป็นดุลพินิจของศาล ขณะนี้ยังไม่มีใครทราบว่าผลคดีจะมีคำวินิจฉัยออกมาในทิศทางใดควรรอฟังคำวินิจฉัย

“กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ควรไปชุมนุมเพื่อข่มขู่ คุกคาม กดดัน การทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ผู้ชุมนุมอ้างเป็นประจำว่าต้องการเปลี่ยน ต้องการปฏิรูปสิ่งต่างๆ ในประเทศให้ดีขึ้น แต่การนัดไปชุมนุมที่ศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นได้อีกเรื่องหนึ่งที่ชี้ให้เห็นได้ว่า เป็นความคิดที่ไม่มีพัฒนาการไปในเชิงสร้างสรรค์ ตัวอย่างมีให้เห็น คือการชุมนุมในปี 2552 และปี 2553 ที่มีการไปชุมนุมกดดันศาลรัฐธรรมนูญ ถึงขั้นประกาศชื่อที่อยู่ของครอบครัวตุลาการ ข่มขู่ คุกคาม กดดัน ทุกรูปแบบ จนติดคุกไปหลายคน เหตุการณ์นั้นผ่านมาแล้ว 10 ปี แต่ไม่น่าเชื่อว่าแนวคิดของกลุ่มที่อ้างตัวเองว่าต้องการปฏิรูป กลับย้อนไปทำในสิ่งที่ไม่ดีแบบนั้น แกนนำซึ่งจะเรียกว่าแกนนำก็อาจจะอ้างว่าไม่ใช่ เพราะบางคนเป็นแกนแอบ แอบอยู่ข้างหลังผู้ชุมนุม บางคนเคยเป็นอาจารย์สอนกฎหมาย ก็ยังให้กลุ่มผู้ชุมนุมทำแบบนี้” นายราเมศ กล่าว

นายราเมศ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้แกนนำ แกนแอบและผู้ชุมนุม ไม่ควรเดินทางไปศาลรัฐธรรมนูญเพื่อ ข่มขู่ คุกคาม กดดัน การทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ การอ้างว่าเป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้หมายความให้ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายได้ ท้ายที่สุดอยากให้ตั้งใจฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกันด้วยเหตุด้วยผล อย่าใช้อารมณ์ ความสะใจมาปิดกั้นเหตุและผล และไม่อยากเห็นผู้ชุมนุมเดินตามรอยทางที่รุ่นพี่เคยเดิน