อภิญญา ตะวันออก / ฮีโร่-ทรราช-จอมขมังเวท : เรื่องเล่า 3 แบบของดาบ ชวน

อภิญญา ตะวันออก

ในประวัติศาสตร์การเมืองร่วมสมัยกัมพูชาหลายๆ หัวข้อนั้น เรื่องราวของดาบ ชวน (2455-2502) เป็นหนึ่งในความย้อนแย้งและพิสดารอย่างมากในความคิดของฉัน

ก็แค่ฮีโร่สามัญชนคนหนึ่งซึ่งถูกทำให้หายไป ก็ไม่น่าจะมีอะไร ถ้าไม่พบว่า วิธีเล่าเรื่องแบบเขมรๆ นั้นช่างเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ให้คุณและโทษแห่งการด้อยค่า

สำหรับดาบ ชวน ผู้มีชีวิตยุคเปลี่ยนผ่านการเมืองกัมพูชาระหว่างปี 2485-2490 ยุคที่กลุ่มนักเคลื่อนไหว-ก่อตั้ง “จลนา” เพื่อเรียกร้องเอกราช

อนึ่ง จลนาเหล่านี้ บางกลุ่มได้สร้างวีรบุรุษผู้กล้าที่ชาวเขมรเทิดทูนหนักหนา ในจำนวนนั้น มีจลนาของดาบ ชวน แรกทีเดียวเขาเคลื่อนไหวแถบชายแดนเวียดนามใต้ มีชื่อเรียกทั่วไป แต่ต่อมาได้ย้ายฐานมาฟากตะวันตกของประเทศและเรียกตัวเองว่ากลุ่มเขมรอิสระราวปี 2489 และปีถัดมาที่เขาพาหน่วยรบของตนไปตั้งฐานที่มั่นเชิง ณ หมู่บ้านไพรพนม ตีนเขาพนมกุเลน

ที่นี่ ดาบได้หญิงชาวบ้านเป็นเมียคนที่ 2 เล่าลือกันว่านางจัน อุดมสัก ผู้นี้เล่นอาคมจนหนังเหนียวแบบเดียวกับผัวตน สรรพคุณดังนี้ ยิ่งทำให้ดาบ ชวน โด่งดังไปทั่วทั้งตำบล สมอ้างชัยชนะมหัศจรรย์เก่งกาจ บุญญาธิการและความคงกระพันชาตรี

ทั้งหมดนี้น่าจะมาจากการที่ดาบ ชวน มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองที่เรียกว่า “องค์เจกและองค์จอม”

 

ดาบ ชวน ฉบับปฐม

ประวัติของดาบ ชวนนั้น เดิมทีกล่าวว่าเขาใช้สกุล “กึม” ตามบิดา ต่อมาเขาได้เปลี่ยนเป็นดาบ ชวน และได้บรรดาศักดิ์เป็น “ดาบ ชวน มจุลเพชร” (เข็มเพชร)

บางฉบับอ้างว่า ดาบ ชวน เกิดที่เสียมเรียบ บางฉบับกล่าวว่าเกิดที่ไปรแวง สันนิษฐานตามตระกูลของบิดา (กึม) ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้เชื่อว่า เขากับทูตเวียดนามใต้สมคบคิดกันโค่นล้มรัฐบาลสีหนุ ด้วยจำนวน “ทองคำ 100 กิโลกรัม!”

บางแหล่งว่า ความเกลียดชังคอมมิวนิสต์และการกระทำขององค์นโรดม สีหนุ ประมุขแห่งรัฐคือแรงจูงใจด่านแรกที่ทำให้ดาบ ชวน คิดกระทำการดังกล่าวร่วมกับฝ่ายซีไอเอ ส่วนความมักใหญ่ใฝ่สูงอยากเป็นผู้นำแทนสีหนุตามคำยุยงซีไอเอนั้น แม้ดาบ ชวน จะมีบารมีมาก แต่ความโดดเด่นของดาบ ชวน ในทางรบมากกว่าปกครอง ดาบ ชวน จึงไม่น่าใช่เบี้ยหมากตัวนั้น

อย่างไรก็ตาม เขาถูกกล่าวหาจากสีหนุเป็นหลักฐานจดหมายที่ส่งไปถึงทูตและประธานาธิบดีเวียดนามใต้ในปี พ.ศ.2501 ที่นโรดม สีหนุ เริ่มฝักใฝ่ทัพคอมมิวนิสต์ของเวียดกง

มีเรื่องน่าขัน โดยก่อน 10 มกราคม 2502 ก่อนดาบ ชวน ลงมือก่อรัฐประหารตามแผนการนั้น เขามัวแต่สาละวนเขียนจดหมายถึงทูตเวียดนามจนความแตก ทั้งที่โดยบุคลิกแล้ว ดาบ ชวน ไม่ใช่ปัญญาชนที่ชอบเขียนหนังสือ นอกจากบุคลิกบ้านๆ และความลุ่มหลงสตรีเพศที่ทำให้เขามีเมียถึง 7 คน 1 อนุเหล่านั้น เป็นสตรีเวียดนามและเป็นสายลับ

นโรดม สีหนุ มีบัญชาให้จับตัวดาบ ชวน ทั้งจับเป็นและจับตาย โดย พล.อ.ลอน นอล ที่ถูกส่งไปทำภารกิจนี้ แต่ พล.ต.ดาบ ชวน กลับหนีไปได้ โดยทิ้งทองคำหนึ่งร้อยกิโลกรัมไว้ให้ดูต่างหน้า เมื่อไปถึงเชิงเขาพนมกุเลน ที่มั่นเก่า ดาบ ชวน ก็ถูกล้อมปราบ เป็นอันเสร็จสิ้นเสี้ยนหนามของประมุขแห่งรัฐ ผู้แสดงหลักฐานทองคำ 100 กิโลกรัมที่สลักเป็นภาษาเวียดนามพร้อมสรรพอาวุธต่อนาตานุทูต มีฝรั่งเศส-รัสเซียเป็นสักขีพยาน

ราวกับเป็นการชี้โพรงให้กระรอก หรือตามสำนวน “แมวเฝ้าปลาย่าง” ที่กลับย้อนรอยราวกับเป็นกรรมเก่าของเจ้าสีหนุ

เมื่อ 11 ปีต่อมา ทฤษฎีสมคบคิดกับซีไอเอดังกล่าวก็กลับย้อนมาเล่นงานสีหนุอีกครั้ง จากนายพลคนเดิมที่ก่อรัฐประหารโค่นเขาได้สำเร็จ!

 

ดาบ ชวน ฉบับตาม

ดูจะย้อนแย้งจากฉบับแรกไปมาก กล่าวคือ เมื่อดาบ ชวน ตัวร้ายได้ตายไปแล้ว ทฤษฎีสมคบคิดกับซีไอเอเพื่อโค่นสีหนุก็กลับตามมาหลอกหลอนอีกครั้ง

แต่คราวนี้ดาบชวนฉบับที่ 2 ที่เข้าใจว่าน่าจะมาก่อนหลังฉบับแรกไม่นาน กลับย้อนแย้งอย่างตรงข้าม โดยว่าเวอร์ชั่นนี้ ดาบ ชวน เกิดที่เสียมเรียบฝั่งตะวันตกของประเทศ จากดาบ ชวน ผู้ฝักใฝ่เวียดนาม (ใต้) ตามเวอร์ชั่นใหม่ กลับนิยมไทย โดยเป็นที่ทราบว่า เขาคือผู้นำกลุ่มเขมรอิสระที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐไทยบริเวณชายแดนนั้น พลันเมื่อปลดแอกฝรั่งเศสได้แล้ว ชื่อเสียงของดาบ ชวนก็โด่งดังไม่แพ้ซึง ง็อกทันห์ บ้างว่าเทียบเคียงกับกษัตริย์สีหนุ

กระนั้น แม้จะประเจียเปร็ย/ป๊อปปูลาร์ในหมู่มหาชน (ภาคตะวันตก) แค่ไหน แต่ดาบ ชวน ก็ยังจงรักและภักดีต่อเสด็จสีหนุ ผู้ประทานบรรดาศักดิ์ “ดาบ ชวน มจุลเพชร” และยศ “พลตรี” แห่งกองทัพแก่เขาอย่างเป็นทางการ ทำให้ พล.ต.ดาบ ชวน มีศักดิ์และสิทธิ์ในการดูแลเขตพิเศษเมืองเสียมเรียบที่เวลานั้นยังตกลงกันไม่ขาดระหว่างฝรั่งเศส-กัมพูชา

ดาบ ชวน มีตำแหน่งเป็นตัวแทนด้านความมั่นคงของเสียมเรียบ-กำปงทม เขาเคยรับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสันติสุขชาติและธรรมการในรัฐบาลแห่งการปรองดอง รวมทั้งการเข้าร่วมเจรจาที่กรุงเจนีวา พล.ต.ดาบ ชวน จึงเป็นผู้มากบารมี ในฐานะผู้นำเขมรอิสระแห่งภาคตะวันตกของกัมพูชา!

ต่อความสำเร็จเพียงนั้น มีมูลเหตุอันใดที่จูงใจให้เขาคิดเป็นกบฏเล่า?

ฤๅ เสด็จสีหนุที่ใช้กลอุบายลดบทบาทดาบ ชวนด้วยข้อกล่าวหาในทางมิชอบเล่า?

ดังนั้น ดาบ ชวน ฉบับหลังจึงเต็มไปด้วยลุ่มหลงมัวเมาในอิสตรี ถืออำนาจบาตรใหญ่จนชาวเสียมเรียบทั่วไปหวาดกลัว ทั้งข่มเหงรังแก ริบลูกเขาเมียใครไปทั่ว ในที่สุดอาการกำเริบเสิบสานของเขาจบลงตรงริก่อการใหญ่

ยืมมือต่างชาติที่ให้การสนับสนุนเพื่อโค่นล้มผู้นำประเทศ!

ช่างเป็นพล็อตเรื่องที่เข้าใจง่าย โดยมีเวียดนามและไทยเป็นนักแสดงสมทบ

ทว่าที่ประหลาดกว่านั้น กล่าวคือ ทฤษฎีโค่นล้มประมุขแห่งรัฐของดาบ ชวนทั้ง 2 ครั้ง 2 ครา ไม่ว่าจะต้นทาง กรุงไซ่ง่อนหรือนครกรุงเทพฯ ล้วนแต่เกิดเหตุในห้วงเวลา วัน เดือน ปีเดียวกัน ราวกับลายแทงของพระเจ้า กล่าวคือราวเดือนมกราคมของปี พ.ศ.2502

2 เดือนต่อมา การไล่ล่าดาบ ชวนโดย พล.อ.ลอน นอล ก็ตามมาและเป็นไปตามพล็อตเก่าที่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากไซ่ง่อนเป็นกรุงเทพฯ

และจากพนมกุเลนสุสานของดาบ ชวน ก็เป็นชายแดนไทย!

 

ดาบ ชวน พิสดาร

อนึ่ง ดาบ ชวน ฉบับที่ 3 นี้เป็นฉบับพิเศษของฉันที่ไม่เกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิดของไทยและเวียดนาม (ใต้) ดังที่กล่าวมา

แต่เป็นดาบ ชวน ในภาคชายชาตรีผู้มีความคงกระพัน-ยิงไม่เข้าฟันไม่ออก

โดยนอกจากมนตราอาคมที่เขาฝึกฝนมาจาก ณ ชายแดนไทยและเทือกเขาพนมกุเลนแล้ว ดาบ ชวน ยังมีของดีที่กล่าวกันว่าเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่หาตัวจับยาก

นั่นคือ “พระองค์เจก-พระองค์จอม” 2 เทวรูปอารักษ์ ที่เชื่อว่ามีมาแต่เขมรยุคกลางที่อันตรธานหายไปในช่วงเวลาที่เมืองพระนครล่มสลาย กระทั่งราวปี 2493 ที่ดาบ ชวน เริ่มโด่งดังนั่นเอง องค์เจก-องค์จอมก็มาพร้อมกับเขาราวกับเป็นจอมขมังเวท!

เล่าต่อๆ กันว่า เมื่อภัยร้ายเข้ามาอย่างจวนตัว ดาบ ชวน ที่เคยยกองค์เจก-องค์จอมซึ่งหนักราว 150 กิโลกรัมขึ้นบ่าอย่างสบายกลับทำไม่ได้

น่าแปลกใจว่า ทำไมดาบ ชวน จึงทิ้งทองคำแท่ง 100 กิโลกรัมอย่างไม่ไยดี แต่กลับพยายามนำเทวรูป 2 องค์ที่หนักกว่าติดตัวไปด้วย จนเมื่อภัยจวนตัวเขาก็ยังตัดใจทิ้งไม่ได้ ถึงกับตัดมือข้างหนึ่งของเนียงจอม เพื่อเป็นเครื่องรางบูชา?

อนึ่ง เรื่องราวของจอมขมังเวทที่ตายไป 6 ทศวรรษนั้น แต่ชะตากรรมของเขาดาบ ชวน มจุลเพชร ก็ยังแขวนบนขื่อคาแห่งประวัติศาสตร์เขมรร่วมสมัย

ที่เจือไปด้วยความพิสดาร