“ฟอร์ด มัสแตง” เปิดประทุน พลัง “อีโคบูสต์ “2,000 คันบนโลก

สันติ จิรพรพนิต
AFP PHOTO / FRED DUFOUR

สร้างความฮือฮาให้สาวกยอดรถสปอร์ต อเมริกันในเมืองไทยอย่างมาก เมื่อ “เบนซ์ ออโต้ เซอร์วิส” ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ จัดหนักนำเข้ายอดรถสปอร์ต “ฟอร์ด มัสแตง” รุ่นพิเศษ “เปิดประทุน” (THE NEW MUSTANG CONVERTIBLE) แถมใช้เครื่องยนต์สุดจี๊ดอย่าง “อีโคบูสต์” เสียด้วย

สำหรับ “มัสแตง” แล้ว เชื่อว่าคนรักรถน้อยนักจะไม่รู้จัก เพราะได้ชื่อว่าเป็นรถสปอร์ต “นักกล้าม” เครื่องยนต์แรงเกินตัว จัดอยู่ในกลุ่มรถ “มัสเซิลคาร์” ความหมายประมาณว่าเป็นรถแรงจัด เครื่องใหญ่ๆ

“มัสแตง” เป็นรถที่ชื่อเสียงโด่งดังมากกว่า 50 ปี และถือว่าเป็นรุ่นที่สร้างชื่อและสร้างยอดขายให้ “ฟอร์ด” มายาวนาน

ถือว่ามาแรงตั้งแต่รุ่นแรกที่ออกทำตลาดเมื่อปี ค.ศ.1964 ออกแบบเป็นรถ 2 ที่นั่ง จุดเด่นไม่พ้นเครื่องยนต์แรงระดับมหากาฬความจุสูงถึง 2.8 ลิตร แต่นั่นยังไม่เท่าไหร่ เพราะต่อมาพัฒนาเครื่องยนต์ Super Cobra Jet V8 7.0 ลิตร 375 แรงม้า ถือว่าแรงระดับต้นๆ ของสมัยนั้น

นอกจากนี้ ยังเป็นรถที่นำไปประกอบภาพยนตร์เรื่อง “เจมส์บอนด์” ตอน “โกลด์ ฟิงเกอร์” หรือ “จอมมฤตยู 007” นำแสดงโดยพระเอกคนดัง “ฌอน คอนเนอรี่” ด้วย

มัสแตง เจเนอเรชั่นแรก มีอายุในตลาดค่อนข้างนานราวๆ 10 ปี รุ่นที่ 2 ก็ตามออกมาโดยลดขนาดตัวถังและเครื่องยนต์ลง ตามสมัยนิยม แต่การออกแบบภายนอกสู้รุ่นแรกไม่ได้ อายุในการทำตลาดจึงสั้นเพียง 4 ปีเท่านั้น

มาในรุ่นที่ 3 มัสแตง ออกแบบรถ 4 ที่นั่งครั้งแรก และเพิ่มเกียร์เป็น 5 สปีด แต่ออกมาได้สักพักเจอความแรงของรถสปอร์ตจากญี่ปุ่นเข้ามาตีตลาด และชาวอเมริกันเริ่มสนใจรถขับเคลื่อนล้อหน้ามากขึ้น แต่ฟอร์ด ซึ่งเคยมีความคิดจะปลี่ยนมัสแตงจากขับเคลื่อนล้อหลังเป็นล้อหน้า แต่ตัดสินใจคงเอกลักษณ์เดิมไว้

เดินทางมาถึงเจเนอเรชั่นที่ 4-5 มัสแตง กลับมาทวงความยิ่งใหญ่ได้อีก โดยเฉพาะในเจนฯ 5 ที่ออกแบบย้อนยุคละม้ายคล้ายรุ่นแรก

ทั้ง 2 เจนฯ นี้มีอายุในตลาดประมาณ 10 ปีเท่าๆ กัน

AFP PHOTO / FRED DUFOUR
AFP PHOTO / FRED DUFOUR

กระทั่งมาถึงรุ่นปัจจุบันเป็นเจเนอเรชั่นที่ 6 เปิดตัวครั้งแรกปีที่แล้ว รูปร่างหน้าตาดูทันสมัยขึ้นแต่ยังมีกลิ่นอายของรุ่นเก่าอยู่นิดๆ เรียกว่าเพื่อต่อยอดความสำเร็จของเจนฯ ที่แล้วนั่นเอง

รวมถึงฟอร์ด เอาจริงเอาจังกับการผลิตรถพวงมาลัยขวาแท้ๆ ออกมา เพื่อบุกตลาดประเทศอื่นๆ นอกจากอเมริกา และจีน ซึ่งขับรถพวงมาลัยซ้าย

องค์ประกอบต่างๆ ที่เข้ากันพอดิบพอดีทำให้มียอดขายทะยานแซงหน้ารถเซ็กเมนต์สปอร์ตอื่นๆ จนกลายเป็นรถสปอร์ต 2 ประตูที่ขายดีที่สุดในโลกเมื่อปี 2015 มียอดขายเกิน 1 แสนคัน

ถือว่าเป็นรถสปอร์ตรุ่นแรกที่ทำยอดขายต่อปีเกินหลักแสนคันด้วย

รวมถึงเป็นรถสปอร์ตยอดนิยมในจีน ซึ่งประเทศหลังม่านไม้ไผ่นี้ได้ชื่อว่านิยมรถจากยุโรปและอเมริกาอยู่แล้ว


“มัสแตง เปิดประทุน” รุ่นล่าสุดที่ “เบนซ์ ออโต้ เซอร์วิส” นำเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยาดเยิ้มแล้ว ยังเป็นรุ่นที่พิเศษใช้เครื่อง “อีโคบูสต์” อันโด่งดังของฟอร์ดอีกด้วย

“อีโคบูสต์” เป็นเครื่องยนต์ที่ฟอร์ดพัฒนาขึ้นมาให้มีความแรงเกินความจุกระบอกสูบ คนไทยจะคุ้นเคยกันดีเพราะฟอร์ดประเทศไทย นำเครื่องยนต์นี้มาใส่ไว้ในรุ่น “เฟียสต้า” เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร และ “โฟกัสใหม่” เครื่องอีโคบูสต์ 1.5 ลิตร ซึ่งแม้กระบอกสูบจะเล็กกว่าแต่ความแรงเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด 2.2-2.4 ลิตรทั่วๆ ไป

มัสแตง อีโคบูสต์ ที่นำเข้ามานี้ถือว่าน่าสนใจมากขึ้น เพราะฟอร์ดผลิตออกมาเพียง 2,000 คันทั่วโลกเท่านั้น

“เบนซ์ ออโต้ เซอร์วิส” นำเข้ามาล็อตแรกรวม 15 คัน ผลิตเป็นรถพวงมาลัยขวาแท้ๆ มีให้เลือกทั้งรุ่น Fast Back และ Convertible

แต่ “ยานยนต์ สุดสัปดาห์” จะเน้นไปที่ตัว Convertible หรือเปิดประทุนเป็นหลัก

รูปร่างหน้าตาภายนอกจุดเด่นไม่พ้นกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ มาพร้อมโลโก้ “ม้าวิ่ง” เป็นเอกลักษณ์ที่ยืนยงมากกว่าครึ่งศตวรรษ

อีกจุดเด่นคือกระโปรงหน้าที่ค่อนข้างยาวกว่าปกติ ซึ่งเป็นดีเอ็นเอซึ่งถ่ายทอดมาตั้งแต่รุ่นแรกแล้ว

บนฝากระโปรงเพิ่มเส้นสันที่ดูคมมากขึ้น ล้อกับไฟหน้าทรงเรียวเล็ก แฝงด้วยสไตล์คลาสสิคที่ทอดยาวไปถึงด้านข้าง เป็นแบบ “HID” (High Intensity Discharged) มีความเข้มข้นของลำแสงมากกว่าไฟแบบธรรมดาทั่วไป จุดเด่นคือส่องสว่างได้มากและไกลกว่าเดิม แต่ไม่สร้างความรำคาญให้กับผู้ขับขี่รถสวนทาง

ต่ำลงมาเป็นไฟตัดหมอก ล้ออัลลอยสีดำขนาด 19 นิ้ว เต็มซุ้มพอดี

ด้านข้างมีเหลี่ยมสันเป็นเอกลักษณะเฉพาะเช่นกัน

ส่วนไฟท้ายดูผาดๆ เหมือนแยกออกเป็นฝั่งละ 3 ก้อน อันเป็นเอกลักษณ์ของมัสแตงเช่นกัน

ภายในห้องโดยสารตกแต่งโดยการถอดแบบมาจากอากาศยานไม่ว่าจะเป็นระบบไฟเรืองแสงในห้องโดยสาร เบาะนั่งทรงสปอร์ต และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ

เน้นโทนสีดำสลับสีเงิน ขณะที่เบาะนั่งแบบ 2+2 ใช้สีอิฐ

พวงมาลัย 3 ก้านระบบมัลติฟังก์ชั่นพร้อมสัญลักษณ์มัสแตงโดดเด่นอยู่ตรงกลาง เรือนไมล์ 2 วงกลมขนาดใหญ่ ตรงกลางเป็นจอแสดงข้อมูลต่างๆ แบบดิจิตอล

ช่องแอร์แบบ 5 ช่อง ตรงกลางเป็นทรงกลม 3 ช่อง ด้านข้างเป็นทรงเหลี่ยม ต่ำลงมาเป็นจอแสดงผล ระบบแอร์และเครื่องเสียงพร้อมลำโพงรอบทิศทาง

เครื่องยนต์เบนซิน อีโคบูสต์ 4 สูบ ความจุ 2,261 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 312 แรงม้า แรงบิด 432 นิวตัน-เมตร ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 6 จังหวะ

ความเร็วสูงสุดจัดไปที่ 233 ก.ม./ช.ม. อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ทำได้ภายใน 5.5 วินาที

ความปลอดภัยหายห่วงตามมาตรฐานรถอเมริกัน เช่น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถลในทุกอัตราความเร็ว ป้องกันล้อล็อกเมื่อเบรกกะทันหัน

มีระบบจับการเคลื่อนไหวของรถจากองศาของพวงมาลัย เพื่อจดจำลักษณะของการหมุนพวงมาลัย อัตราการเร่ง เพื่อนำมาใช้กับการเบรกโดยอัตโนมัติต่อการหมุนพวงมาลัย หากระบบจับได้ถึงแรงที่มากหรือน้อยจนเกินไปในการหักพวงมาลัย เป็นต้น

ล็อตแรกที่นำเข้ามาจำหน่ายในไทยทั้งรุ่น Fast Back และ Convertible มีทั้งหมด 15 คัน เลือกมาครบทุกสียอดนิยม

ราคารุ่น Convertible อยู่ที่ 4,990,000 บาท และ Fast Back เริ่มต้น 4,499,000 บาท