วงค์ ตาวัน | รัฐประหาร-สร้างปัญหา

วงค์ ตาวัน

การให้สัมภาษณ์ตอบโต้ข้อหาเป็นเผด็จการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อันเนื่องจากการชุมนุมต่อต้านของเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ที่ยังเป็นกระแสร้อนแรงไปทั่วทุกพื้นที่ในขณะนี้

โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้อธิบายย้อนถึงเหตุการณ์ที่ต้องก่อรัฐประหารเข้ามาควบคุมการเมืองไทย เรียกร้องให้ทุกคนมองย้อนกลับไปถึงช่วงนั้น ไม่ได้อยากให้ถือเป็นบุญคุณ แต่เพราะชาติไม่ปลอดภัย จึงจำเป็นต้องเข้ามาหยุดปัญหา ลืมกันหมดแล้วหรืออย่างไร

คำอธิบายดังกล่าวนี้ ทำให้คนจำนวนมากได้ย้อนทบทวนถึงเหตุการณ์ยึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร และเป็นนายกรัฐมนตรีเองในรัฐบาลหลังรัฐประหาร โดยอยู่ยาวนานถึง 5 ปี ก่อนจะเปิดให้มีการเลือกตั้งในปี 2562 แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ก็กลับมาเป็นนายกฯ ต่อไปอีก

ประเด็นก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่า การรัฐประหารครั้งนั้น เพื่อเข้ามาหยุดปัญหา เพราะประเทศชาติอยู่ในช่วงไม่ปลอดภัย กำลังจะเกิดสงครามกลางเมือง จะฆ่ากันเองระหว่างม็อบต่างสี

นั่นคือเหตุผลที่ใช้อธิบายมาตลอดถึงความชอบธรรมที่จำต้องรัฐประหาร

“แต่ก็มีการโต้แย้งมาตลอดจากคนที่ยึดในหลักการประชาธิปไตย ว่าการรัฐประหารไม่ใช่การแก้ปัญหาทางการเมืองที่ถูกต้อง มีแต่จะสร้างปัญหาให้เพิ่มมากขึ้น”

ขณะเดียวกัน ยังเห็นว่าสถานการณ์วุ่นวายที่ทำให้บ้านเมืองเดินต่อไปไม่ได้ เข้าล็อกเข้าทางการยึดอำนาจ เป็นการจงใจปูทางเพื่อเปิดทางให้รถถังมากกว่า

“เพราะรัฐประหารทุกครั้ง ก็ต้องปูกระแสสร้างเงื่อนไขให้สุกงอมก่อน แต่เป็นกระแสที่สร้างขึ้นมา จงใจให้การล้มประชาธิปไตยดูดีมีเหตุผล!”

เมื่อมองย้อนไปถึงการประท้วงขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ของม็อบนกหวีดในปี 2557 จะเห็นได้ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ซึ่งรู้ดีว่าฝืนกระแสไม่ไหว ตัดสินใจหาทางออกตามวิถีทางประชาธิปไตย คือยอมยุบสภา จัดเลือกตั้งใหม่

นั่นคือถูกทางที่สุด อำนาจการเมืองได้คืนกลับมาสู่มือประชาชนส่วนใหญ่ ให้คนส่วนใหญ่เป็นผู้ตัดสินใจเอาเองในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น อีกทั้งรักษาประชาธิปไตยเอาไว้ รักษาการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วมเอาไว้

“ไม่มีเหตุผลที่ม็อบนกหวีดควรปฏิเสธการเลือกตั้งใหม่ ทั้งที่ประกาศอย่างมั่นใจว่าคนหลายล้านทั้งประเทศเอาด้วยกับการชุมนุม ก็ควรนำพามวลมหาประชาชนไปเข้าคูหา เลือกพรรคการเมืองอื่น ที่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย”

เป็นการลงโทษพรรคเพื่อไทยในทางการเมือง อย่างถูกต้องชอบธรรม

“ด้วยการตัดสินใจของประชาชนเอง และรักษาอำนาจการเมืองที่ประชาชนเป็นใหญ่ไว้ได้ต่อไป”

แต่อ้างว่าต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แล้วขัดขวางการเลือกตั้ง ปิดล้อมคูหา ปิดล้อมที่เก็บหีบบัตร

ทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองเข้าทางตัน จนรถถังก็ออกมาจนได้ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557

ประเด็นนี้แหละทำให้ข้ออ้างว่าทหารจำเป็นต้องยึดอำนาจไม่แนบเนียนพอ เนื่องจากมีทางออกชัดเจนและถูกต้องตามครรลองอยู่แล้ว แต่ฝ่ายม็อบจงใจจะให้ไปสู่สถานการณ์ต้องล้มประชาธิปไตยมากกว่า

ผ่านมาแล้ว 6 ปี ผู้นำคณะรัฐประหารก็ยังอยู่ในรัฐบาลนี้ ถ้าหากคณะรัฐประหารแก้ไขปัญหาได้จริง หยุดปัญหาได้จริง ทำไมวันนี้ นายกฯ จึงต้องออกมาพูดจาเตือนอย่างดุเดือดว่า บ้านเมืองกำลังจะลุกเป็นไฟ เดี๋ยวจะอยู่กันไม่ได้

ถ้าแก้ปัญหาได้จริง ทำไมในวันนี้ เยาวชน นักเรียน นักศึกษา จึงออกมาขับไล่รัฐบาลอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องไม่มีทีท่าจะหยุดง่ายๆ ยืนยันไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะเขียนขึ้นมาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้คณะรัฐประหารอยู่ในอำนาจยาวนาน และให้รัฐบาลนี้พ้นไป

“ที่กลุ่มเยาวชนเรียกร้อง คือให้เลือกตั้งใหม่ ภายใต้กติกาที่เป็นธรรม ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบ ไม่มีความเหลื่อมล้ำทางการเมือง”

พล.อ.ประยุทธ์พยายามตอบโต้การเคลื่อนไหวของเยาวชนว่า ทำไมไม่ยึดถือประชาธิปไตยแบบไทยๆ ที่เป็นของเราเอง ทำไมต้องไปเรียกหาประชาธิปไตยแบบของประเทศอื่น ทำนองว่าเพราะเรียกร้องกันอย่างนี้ จึงนำมาสู่ความไม่สงบในบ้านเมือง

“ขณะที่ฝ่ายเยาวชนก็มองว่า ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ที่ใช้ในขณะนี้ คือประชาธิปไตยแอบแฝง จึงพากันเรียกรัฐบาลนี้ว่าเป็นเผด็จการ”

มีการยืนยันว่าต้องไม่ใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะสร้างความได้เปรียบทางการเมืองอย่างโจ่งแจ้ง มี 250 ส.ว.ที่มีอำนาจเหนือกว่าเสียงประชาชนหลายล้านคนที่ไปเลือกตั้ง เพราะ 250 ส.ว.จากการแต่งตั้ง เป็นผู้ชี้ขาดการตั้งนายกฯ และตั้งรัฐบาล

รวมไปถึงการตีความกฎระเบียบการเลือกตั้งการนับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์แบบพิสดารสุดๆ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์แจ้งต่อสังคม นับตั้งแต่วันเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562

ไม่เท่านั้น องค์กรอิสระบางองค์กรยังกลายเป็นเครื่องมือกำจัดฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอย่างเห็นได้ชัด

พรรคการเมืองที่เป็นความหวังของคนรุ่นใหม่ ถูกทำลายถูกขัดขวางทุกวิถีทางอย่างโจ่งแจ้ง

ทั้งหมดนี้เหล่าเยาวชนคนหนุ่ม-สาวจึงสรุปว่าไม่อาจทนต่อไปได้ ต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องรัฐธรรมนูญใหม่และประชาธิปไตยที่แท้จริง

ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย!!

กองเชียร์กองหนุนรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือผู้ที่ร่วมกันปูทางให้เกิดรัฐประหาร ได้พากันออกมาต่อต้านการเคลื่อนไหวของเด็กนักเรียน-นักศึกษากันอย่างเอาการเอางานเพื่อพิทักษ์รัฐบาลนี้ ปกป้องรัฐธรรมนูญฉบับนี้ รักษากลุ่มอำนาจชุดนี้เอาไว้ให้ได้

คนในแวดวงบันเทิงบางรายใช้ถ้อยคำหยาบคายโจมตีเด็กๆ นักเรียน จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในสังคมและในโซเชียล

จุดชนวนเดือดระอุในโลกออนไลน์ จนถูกถอดออกจากการเป็นพิธีกรหลายรายการ

“แล้วยังนำมาสู่กระแสการชำระประวัติศาสตร์ม็อบนกหวีดอย่างขนานใหญ่”

เพราะเป็นการชุมนุมที่ปลายทางคือล้มประชาธิปไตย ขัดขวางเลือกตั้ง เรียกหารัฐประหาร ที่มีเหล่าศิลปินดารานักแสดงเข้าร่วมมากที่สุด

การแสดงออกบนเวทีม็อบนกหวีดถูกขุดขึ้นมาทบทวนกันอีกครั้ง ว่ามีการสนับสนุนการใช้ความรุนแรงต่อฝ่ายคิดต่างอย่างน่าตกใจ เชียร์มือปืนป๊อปคอร์นยิงคนตายกันอย่างมีความสุข

“อดีตที่เพิ่งผ่านมา 6 ปี จึงกลับมาไล่ล่าคนที่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงต่อคนที่มีจุดยืนการเมืองต่างกัน ไล่ล่าคนที่เข้าร่วมขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งก็คือขัดขวางวิถีทางที่ประชาชนสามารถมีอำนาจทางการเมืองได้ ไล่ล่าคนที่ไปบังคับขู่เข็ญสื่อมวลชนละเมิดหลักเสรีภาพ”

เหล่านี้ถูกนำมาทบทวนอีกครั้ง เพื่อถามหาความรับผิดชอบต่อพฤติกรรมที่กระทำไปเมื่อ 6 ปีก่อน

เหนืออื่นใดเป็นม็อบที่มีเป้าหมายปลายทางคือล้มประชาธิปไตย ทำให้ประเทศชาติถอยหลังไปไกลสุดกู่ ทั้งที่การเลือกหนทางที่รัฐบาลนั้นยอมถอย คือให้เลือกตั้งใหม่ คือแนวทางที่ชอบธรรมที่สุด

ถ้าเลือกแนวทางเลือกตั้งใหม่ในวันนั้น รัฐบาลยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทยก็ถูกลงโทษทางการเมืองไปแล้ว

ถูกลงโทษด้วยการตัดสินใจโดยประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ด้วยแกนนำม็อบไม่กี่คนกับคณะรัฐประหาร

เพราะเลือกหนทางที่ผิดพลาด ปัญหาก็เลยไม่จบ และมาปะทุครั้งใหญ่อีกในวันนี้!