ภาพยนตร์ / นพมาส แววหงส์/EUROVISION SONG CONTEST: THE STORY OF FIRE SAGA

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์

EUROVISION SONG CONTEST: THE STORY OF FIRE SAGA

‘เวทีประกวดการร้องเพลง’

 

กำกับการแสดง David Dobkin

นำแสดง Will Ferrell Rachel McAdams Dan Stevens  Pierce Brosnan

 

ยูโรวิชั่น เป็นเวทีประกวดการร้องเพลงระดับนานาชาติ ซึ่งแรกเริ่มเน้นเฉพาะยุโรป แต่ปัจจุบันมีสมาชิกจากทวีปอื่นๆ ไกลไปถึงออสเตรเลียแล้ว เวทีนี้เป็นการประกวดเหมือนนางงามจักรวาล คือ ประเทศสมาชิกส่งตัวแทนประจำชาติของตนเข้าชิงชัย และเพลงที่เข้าชิงต้องเป็นเพลงที่แต่งใหม่

นับเป็นการแข่งขันร้องเพลงระดับนานาชาติประจำปีที่ยาวนานที่สุดเท่าที่มีมาและมีการถ่ายทอดสดตั้งแต่เริ่มเมื่อ ค.ศ.1951 และนับแต่ ค.ศ.1956 มีการประกวดต่อเนื่องมาทุกปีโดยไม่เว้น

เพิ่งจะเว้นไปในปี 2020 จากพิษโควิดนี่เอง

เวทีนี้ให้กำเนิดดารานักร้องและวงดนตรีที่โด่งดังระดับโลกต่อมามากมาย อาทิ วง ABBA เซลีน ดิออน ฮูลิโอ อิเกลเซียส และโอลิเวีย นิวตัน-จอห์น

คณะนักร้องสี่สาว “แอ๊บบา” จากสวีเดนถือกำเนิดขึ้นจากเวทีนี้เมื่อ 45 ปีที่แล้ว และดังกึกก้องไปทั่วโลกด้วยเสียงเพลงฮิตต่างๆ มีคนนำเพลงของแอ๊บบาไปร้อยเรียงเป็นละครเวทียอดฮิต Mama Mia! ซึ่งกลายมาเป็นหนังที่เมอริล สตรีป เล่น

แถมยังมีภาคสองตามต่อมาอีก

 

ณจุดกำเนิดของวงแอ๊บบาในการประกวด “ยูโรวิชั่น” นี่เอง ที่เป็นจุดเริ่มต้นของพล็อตของหนัง Eurovision

เพลงที่เข้าชิงคือ Waterloo ซึ่งเปรียบเทียบการพ่ายแพ้แก่ความรัก เหมือนที่นโปเลียนถูกชะตากำหนดให้แพ้ที่สมรภูมิวอเตอร์ลู

ในประเทศอันหนาวเย็นของไอซ์แลนด์ หนูน้อยลาร์สซึ่งเป็นเด็กทึ่มไม่ค่อยพูดค่อยจา ได้ยินเสียงเพลงนี้จากการประกวดของแอ๊บบาในยูโรวิชั่นที่ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ เขาลุกขึ้นเต้นหน้าจอทีวี และประกาศจุดหมายในชีวิตว่า เขาจะเข้าชิงชัยในเวทีประกวดนี้

ลาร์สโตขึ้นเป็นวิล เฟอร์เรล พร้อมด้วยญาติผู้น้องที่ปักใจรักเขามาตั้งแต่เด็ก คือ ซีกริต (เรเชล แม็กแอดัมส์) ผู้ที่อยู่เคียงข้างและคอยสนับสนุนลาร์สมาตลอด โดยร่วมร้องเพลงอยู่ในวงที่เรียกตัวเองว่า The Fire Saga

วงนี้เล่นในบาร์ให้ความบันเทิงแก่ชาวบ้านร้านถิ่น ซึ่งเอาแต่เรียกร้องให้วงเล่นเพลงท้องถิ่น ชื่อ Ya Ya! Ding Dong! ตลอดเวลา จนลาร์สเบื่อแสนเบื่อ และไม่มีโอกาสทำให้เพลงของตัวเองเป็นที่นิยมขึ้นมา เพราะเมื่อไหร่ที่เสียงเพลงนี้ดังขึ้น ทุกคนก็จะร้องตามอย่างคึกคักสนุกสนาน

ในวัยหนุ่มใหญ่ ลาร์สยังอาศัยอยู่ในบ้านพ่อ (เพียร์ซ บรอสนัน) ที่ทำอาชีพประมง ออกเรือไปหาปลา และเหนื่อยหน่ายกับลูกชายตัวโค่งที่ไม่ยอมทำงานทำการอะไรนอกจากร้องเพลง

เพียร์ซ บรอสนัน ที่มีอดีตเป็นเจมส์ บอนด์ อย่างยาวนาน กับวิลล์ เฟอร์เรล ดาราตลกหนุ่มใหญ่ มาเล่นเป็นพ่อเป็นลูกกัน ทำให้รู้สึกแปลกแปร่งอย่างมาก เพราะดูแทบไม่ออกว่าใครเป็นพ่อใครเป็นลูก ถึงจะเช็กข้อมูลดูว่าจริงๆ แล้ว บรอสนันแก่กว่าแฟร์เรล 14 ปี แต่ก็ยังดูไม่สนิทใจอยู่ดี

บรอสนันเคยเล่นคู่กับเมอริล สตรีป ใน Mama Mia! ซึ่งเป็นหนังมิวสิเคิล ทำให้คนดูคอยลุ้นเอาใจช่วยแทบตายตอนเขาร้องเพลง SOS กลัวเขาจะเสียงหลงจนกู่ไม่กลับ

แต่ในเรื่องนี้ บรอสนันไม่ต้องร้องเพลง ได้แต่คอยลุ้นเอาใจช่วยลูกชายในการประกวด

 

วง Fire Saga จับพลัดจับผลูได้เข้ารอบคัดเลือกตัวแทนของไอซ์แลนด์ในการประกวดยูโรวิชั่น และเป็นม้าที่วิ่งรั้งท้ายที่สุด แต่เกิดจับพลัดจับผลูอีกนั่นแหละ ได้กลายเป็นนักร้องที่ไอซ์แลนด์ส่งเข้าประกวดในปีนี้

ผู้บริหารส่วนท้องถิ่นมีความกังวลอยู่ว่าหากไอซ์แลนด์ชนะการประกวด ก็หมายความปีถัดไปจะต้องเป็นเจ้าภาพการประกวด ซึ่งไอซ์แลนด์ไม่พร้อมเลย และไม่มีงบประมาณจัดสรรไว้ และอาจทำให้เมืองเล็กๆ นี้ต้องล่มจมได้

แต่วง “ไฟร์ซาก้า” ก็บินไปเข้าร่วมชิงชัย พร้อมด้วยความฝันอันยาวนานของหนุ่มใหญ่หัวใจเด็กและสาวสวยที่หลงรักเขาอยู่ข้างเดียวและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับชายในดวงใจ

จะชนะหรือไม่ชนะก็ไม่บอกละนะคะ เพราะนั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ

เรื่องสำคัญคือการเดินหน้าไปสู่ความฝันของตัวเอง

 

การประกวดจัดขึ้นที่เอดินเบอระ และตัวเต็งของการประกวดอยู่ที่นักร้องหนุ่มชาวรัสเซีย อเล็กซานเดอร์ เลมทอฟ (แดน สตีเวนส์) ผู้ร่ำรวย รูปหล่อและมีความสามารถ

อเล็กซานเดอร์มองเห็นพรสวรรค์ในตัวซีกริต จึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อชิงตัวเธอมาจากลาร์สผู้ซื่อบื้อ เพื่อให้ร่วมงานกับเขา หลังจากการประกวดเวทีนี้ผ่านไปแล้ว

หนังมีมุขจี้เส้นที่ “เวิร์ก” อยู่หลายตอน รวมทั้งคำตอบของอเล็กซานเดอร์ต่อข้อถามของซีกริตว่า “ขอถามตรงๆ นะว่าคุณเป็นเกย์หรือเปล่า” อเล็กซานเดอร์ซึ่งเป็นหนุ่มมาดแมนหน้าสวยแต่งตัวเริ่ดในทุกโอกาส และหลงตัวเองขนาดที่ประดับบ้านด้วยรูปปั้นเทพบุตรกรีกใบหน้าของตัวเขาเอง ตอบว่า “ไม่มีชาวรัสเซียคนไหนเป็นเกย์หรอก”

มุขจี้สุดๆ อีกตอนคือ หลังจากตัวละครตัวหนึ่งถูกมีดปักเข้ากลางหลัง แล้วลาร์สมองเห็นภูตเอลฟ์อยู่ไวๆ ว่าเป็นผู้ลงมือ ลาร์สปรารภว่า “เอลฟ์ทำเกินไปแล้วล่ะคราวนี้”

มุขเกี่ยวกับหนุ่มสาวนักท่องเที่ยวอเมริกันที่ลาร์สโดดขึ้นรถบังคับให้ขับไปส่งเขา แล้วพูดจาเหน็บแนมไปโดยตลอด ก็ขำอยู่หรอกนะคะ แต่ออกจะ “ทำเกินไป” เหมือนกัน

 

ผู้กำกับฯ เดวิด ด็อบกิน เคยกำกับฯ มิวสิกวิดีโอมาก่อน จึงทำฉากตระการตาในการประกวดได้อย่างมีสีสันน่าดู แต่เนื่องจากเป็นหนังตลก จึงเกิดความผิดพลาดขึ้นต่างๆ นานา และนี่เป็นตลกเจ็บตัวแบบแรงๆ เสียด้วยสิคะ

สิ่งที่ชอบมากในหนัง คือตัวนางเอก หลังๆ นี้ เรเชล แม็กแอดัมส์ หันมาเล่นคอเมดี้ และเล่นด้วยจังหวะจะโคนที่ลงตัวเฉียบคม

แต่สิ่งที่ไม่ชอบเลยคือ วิลล์ เฟอร์เรล ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ และร่วมเขียนบทด้วย หนังไม่ได้ทำให้เราเข้าใจเลยว่าทำไมนางเอกแสนสวยพรั่งพร้อมด้วยพรสวรรค์ จึงมาปักใจรักอยู่กับหนุ่มโค่งซื่อบื้อคนนี้

อย่างไรก็ตาม ด้วยความยาวสองชั่วโมงเศษๆ หนังก็สร้างความเพลิดเพลินเจริญใจให้ไม่น้อย ด้วยเสียงเพลงที่รื่นรมย์และสีสันฉูดฉาดของเครื่องแต่งกาย

ทำให้รู้สึกอยากดูถ่ายทอดการประกวด Eurovision Song Contest ในปีต่อๆ ไป