‘พิธา’ ขอสถานศึกษา อย่าผลักไสนิสิตนักศึกษาออกไปจากพื้นที่ปลอดภัย

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณีนักเรียนนักศึกษาชุมนุมทางการเมือง ต่อมามีการปราศรัยบางส่วนพร้อมข้อเสนอทางการเมือง ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าอาจก่อให้เกิดความไม่พอใจ และเกิดเหตุซ้ำรอยเหตุ 6 ตุลา  นายพิธา กล่าวช่วงหนึ่งระบุว่า

อย่าฆ่าอนาคต ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ นักศึกษาประชาชนที่ออกมาชุมนุมได้ยื่น 3 ข้อเรียกร้องทางการเมืองให้แก่รัฐบาลโดยขอให้ 1.หยุดคุกคามประชาชน 2.ยุบสภา 3.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งข้อเสนอทั้ง 3 นี้ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้และสังคมสามารถถกเถียงกันได้อย่างเปิดเผยในพื้นที่สาธารณะ

แต่เราก็ต้องยอมรับอีกเช่นกันว่านอกเหนือจากข้อเรียกร้องทั้ง 3 ประเด็นแล้ว ในการชุมนุมหลายครั้งที่ผ่านมา รวมถึงการแสดงออกในโลกออนไลน์ และการชุมนุมในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ นักศึกษาและประชาชนได้แสดงออกถึงประเด็นที่เป็น Inconvenient Truth หรือ ”ความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนใจ” ของสังคมไทย

ถึงเวลาแล้วที่เราต้องยอมรับเสียทีว่านี่คือความรู้สึกแห่งยุคสมัย ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นผลผลิตของปัญหาที่พวกเราล้วนมีส่วนร่วมสร้างขึ้นมาและหมักหมมเอาไว้ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลาน

ผมต้องย้ำดังๆ อีกครั้งว่า 10 ข้อเรียกร้องของนักศึกษาประชาชนที่ออกมาชุมนุมนั้นไม่เท่ากับการก้าวล่วง-จาบจ้วง-ล่วงละเมิดสถาบันฯ เสมอไป และเราในฐานะพรรค #ก้าวไกล จะยืนยันว่าข้อเสนอแบบนี้ต้องสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ในสังคมประชาธิปไตยที่มีเหตุผล มีวุฒิภาวะ และมีสติ

จึงอยากขอให้ทุกคนทุกฝ่าย เปิดใจรับฟังและแลกเปลี่ยนกันบนความสร้างสรรค์ เปิดพื้นที่ปลอดภัยให้ได้มีการพูดคุยกันและรับฟังเสียงของคนรุ่นใหม่

ไม่เช่นนั้นแล้ว หากผู้มีอำนาจหรือผู้คนในสังคมไม่ยอมรับฟังเสียงพวกนี้ คิดว่าเสียงพวกนี้เป็นเพียงภัยความมั่นคง เป็นภัยคุกคาม ก็เท่ากับว่าเราไม่ได้รับฟังเสียงของพวกเขาจริงๆ เหมือนกับที่ผ่านมาปากของผู้นำก็บอกรับฟังๆ แต่ยังมีการไปคุกคามตามจับคนที่ออกมาพูดอยู่เลย ก็เท่ากับว่าเรากำลังฆ่าอนาคตให้ตายลงไปด้วยมือของเราเอง

ในขณะนี้พื้นที่ปลอดภัยของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยก็กำลังหดหายลงไป ซึ่งเราขอเรียกร้องไปยังสังคมและสถานศึกษาว่าอย่าผลักไสพวกเขาออกไปจากพื้นที่ปลอดภัยเหล่านี้เลย

ส่วนเรื่องที่ผู้ใหญ่หลายคนออกมาทั้งแสดงความเป็นห่วงและข่มขู่ว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยการนองเลือดแบบเหตุการณ์ #6ตุลา ผมขอย้ำว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องจบแบบเดิมเสมอไปหากผู้มีอำนาจสามารถอดทนอดกลั้นไม่ใช้ความรุนแรง ไม่หันกระบอกปืนยิงใส่ประชาชน ประวัติศาสตร์ก็จะไม่ซ้ำรอยเดิม

สุดท้าย มีคำถามต่อพวกเราในฐานะพรรคการเมืองที่ออกมาเสนอประกันตัวให้ผู้ที่ถูกดำเนินคดีว่าคิดอย่างไร ผมขอย้ำว่าประชาธิปไตยไม่ใช่การใช้สิทธิในคูหาเลือกตั้งแค่ 4 วินาทีแล้วจบกันแค่นั้น แต่มันรวมไปถึงการมีสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมและการแสดงออกด้วย ดังนั้นถ้าหากประชาชนถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมจากการแสดงออกทางการเมือง พวกเราพรรคก้าวไกลก็พร้อมปกป้องและหนุนหลังประชาชนอยู่เสมอ เพื่อยืนยันว่าเราทุกคนจะมีพื้นที่ปลอดภัยในการพูดในการแสดงความเห็น