นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ : เคล็ดลับพันล้านวิว ของ Carpool Karaoke

เคยดูรายการ Carpool Karaoke ไหมครับ

ใครที่ยังไม่เคยดู ผมขอเล่าให้ฟังสั้นๆ ว่า Carpool Karaoke คือช่วงหนึ่งในรายการทอล์กโชว์ตอนกลางคืนชื่อ The Late Late Show ที่จัดโดยดาราตลกชื่อดัง James Corden ถ่ายทอดผ่านช่อง CBS ของสหรัฐอเมริกา

คอนเซ็ปต์ของรายการเขาเจ๋งมากๆ ครับ คือ แค่ขับรถแล้วให้นักร้องชื่อดังมานั่งข้างๆ แล้วก็ร้องคาราโอเกะไปด้วยกัน

ฟังดูเป็นคอนเซ็ปต์ที่ง่ายมาก แต่ไม่น่าเชื่อว่ายังไม่มีใครเคยทำ หรือถ้ามี ก็ยังไม่มีใครทำได้ดีขนาดนี้

ความดีงามของ Carpool Karaoke คือ เขาจับดารานักร้องนักแสดงชื่อดัง มานั่งในรถที่นาย James Corden เป็นคนขับ ระหว่างที่ James Corden ขับรถไปเรื่อยๆ ก็จะทำการเปิดเพลง โดยอาจจะเป็นเพลงดังของนักร้องคนนั้นเอง หรือเพลงอื่นๆ ที่เขาและเธอชอบ แล้วร้องคาราโอเกะด้วยกัน สลับกับการพูดคุยขำขัน

ดารานักร้องที่เคยมานั่งรถกับเขาก็เช่น Selena Gomez, Justin Bieber, Stevie Wonder, One Direction, Adele, Mariah Carey, Sia, Red Hot Chili Peppers, Christ Martin ไปจนถึง Michelle Obama

เราจะได้เห็นทั้งการร้องเพลงของศิลปินที่เราชื่นชอบ ท่าทางและอากัปกิริยาเผลอๆ ขำๆ ของดาราที่หาดูได้ยาก

ไม่เพียงเท่านั้น เรายังได้รู้ความลับบางอย่างของเพลงนั้นด้วย เช่น อะเดลที่เผยว่าเป็นคนตีกลองเองในเพลง Hello

ผมเชื่อว่าคนที่เคยผ่านตากับคลิป Carpool Karaoke กันมาบ้าง ก็ล้วนแล้วแต่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “สนุกมาก!” และ “ตลกมาก!”

จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อเปิดตัวได้ไม่นาน Carpool Karaoke ก็กลายเป็นไวรัลวิดีโอที่มียอดวิวและยอดแชร์อย่างล้นหลาม

ยกตัวอย่างเช่น คลิปที่อะเดลมาร้องเพลง Hello นั้นมียอดวิวแตะ 42 ล้านภายใน 5 วัน สร้างปรากฏการณ์เป็นไวรัลวิดีโอที่มียอดวิวสูงที่สุดของรายการทอล์กโชว์ตอนกลางคืนตั้งแต่ปี 2013 (ปัจจุบันยอดวิวทะลุ 120 ล้านไปแล้ว)

หรือคลิปที่ Michelle Obama มาร้องเพลงของ Stevie Wonder พาทัวร์ทำเนียบขาว ก็เป็นที่ฮือฮาและสร้างกระแสได้ดีมาก

ถ้านับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคมปี 2015 รายการนี้มียอดวิวบน YouTube รวมแล้วมากกว่า 830 ล้านวิว

Carpool Karaoke โด่งดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นรายการโปรดของใครหลายคน และในที่สุด บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Apple Music ก็มองเห็นศักยภาพของรายการสุดฮิตนี้ ทำการซื้อเป็นที่เรียบร้อย

รายละเอียดของดีลนี้คือ แอปเปิ้ลมิวสิกจ้างให้ Carpool Karaoke ทำรายการแยกเป็นของตัวเองแบบ exclusive ทั้งหมด 16 ตอน ออกอากาศอาทิตย์ละครั้ง โดนวันและเวลาที่จะเปิดตัวตอนแรกนั้นกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ เช่นเดียวกับจำนวนราคาของดีลที่ไม่เป็นที่เปิดเผย

 

ถามว่าทำไมมิวสิกสตรีมมิ่งอย่างแอปเปิ้ลต้องทุ่มเงินซื้อรายการนี้?

ผมคิดว่าคำตอบคือ แอปเปิ้ลต้องการดึงลูกค้าให้มาสมัครสมาชิกกับมิวสิกสตรีมมิ่งของตัวเองให้มากที่สุด (ปัจจุบันพวกเขามีสมาชิกที่จ่ายเงินประมาณ 15 ล้านคน) เพราะคนที่จะดูรายการสุด exclusive นี้ได้ จะต้องเป็นสมาชิกที่จ่ายเงิน 10 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์เท่านั้น

ถ้าเราสังเกต “สงครามมิวสิกสตรีมมิ่ง” ในช่วงหลังๆ จะเห็นได้ว่าผู้ให้บริการหลายเจ้า ไม่ได้จำกัดสินค้าที่เป็น “เสียง” เพียงอย่างเดียว แต่เริ่มขยายขอบเขตของคอนเทนต์ไปสู่คอนเทนต์อื่นๆ เช่น ทำเทศกาลดนตรีของตัวเอง ทำซีรี่ส์ของตัวเอง

ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แอปเปิ้ลมิวสิกเป็นผู้บุกเบิกที่รุกตลาดนี้อย่างหนัก พวกเขาเคยทำทัวร์คอนเสิร์ตของ Taylor Swift”s 1989 World Tour, มีแผนจะทำซีรี่ส์ร่วมกับ Dr.Dre ศิลปินฮิปฮอปชื่อดังในชื่อ Vital Signs, ทำโชว์กับ DJ Khaled ดีเจที่ดังระเบิดใน Snapchat โดยบางรายการอาจจะเผยแพร่ในแพลตฟอร์มอื่นๆ ของแอปเปิ้ล เช่น Apple TV หรือ iTunes

Eddy Cue ผู้อำนวยการอาวุโสของแอปเปิ้ลมิวสิก ระบุถึงการซื้อ Carpool Karaoke ว่า บริษัทไม่ได้ต้องการที่จะเป็นสตูดิโอทีวีแต่อย่างใด

“เราไม่ได้อยากทำรายการทีวีครับ เราแค่ต้องการที่จะสร้างคอนเทนต์ที่เราคิดว่าเข้ากับโปรดักต์ของเรา แอปเปิ้ลมิวสิกจะไม่เป็นคู่แข่งกับ Netflix หรือ Comcast”

ดีลนี้เป็นอีกสัญญาณครั้งสำคัญว่า ถัดจากนี้ สงครามมิวสิกสตรีมมิ่งจะดุเดือดและเข้มข้นมากกว่านี้หลายเท่าตัว สมรภูมินี้จะไม่ได้แข่งกันที่ “เสียง” อย่างเดียวอีกต่อไป

 

แล้วทำไมรายการ Carpool Karaoke จึงฮิตระเบิด?

ผมคิดว่ามีเหตุผลด้วยกัน 4 ข้อ

หนึ่ง คาดไม่ถึง เดาไม่ถูก เหตุเพราะรายการไม่มีสคริปต์ แค่สร้างสถานการณ์ให้พิธีกรและดารานักร้องมาเจอกันก็แค่นั้น ผู้ชมจึงได้พบแต่ความตื่นเต้นและมีเซอร์ไพรส์ตลอด เหมือนได้ดูรายการเรียลลิตี้

สอง แขกรับเชิญของรายการนี้มีแต่ระดับ a-list ทั้งนั้น ซึ่งก็ต้องชมทางทีมงานที่ได้แต่ตัวท็อปๆ ระดับโลกมา ลองคิดภาพถ้าเป็นบ้านเราและมีพี่เบิร์ดมาร้องคาราโอเกะด้วยกันคงจะเรตติ้งกระฉูด

สาม รายการมีความเป็นกันเองมาก ไม่มีผู้จัดการหรือทีมงานของดาราเซเลบมาตามต้อยๆ หรือไม่มีการจัดไฟจัดฉากใดๆ ให้วุ่นวาย เสมือนว่าไม่ได้กำลังอัดรายการอยู่ ความเป็นกันเองนี้ทำให้หลายครั้งเหล่าดาราเซเลบสบายใจที่จะพูดอะไรตลกๆ หรือเผยความลับที่ไม่เคยบอกใครที่ไหน

สี่ การขับรถและร้องเพลงคือกิจกรรมพื้นฐานของคน ทำให้คนดูรู้สึกใกล้ชิดกับคอนเซ็ปต์ของได้ง่าย

คำถามก็คือ กว่าจะมาเป็นรายการยอดฮิตขนาดนี้ได้ พวกเขาคิดคอนเซ็ปต์สุดเจ๋งนี้ได้อย่างไร


James Corden ให้สัมภาษณ์ถึงที่มาที่ไปของรายการนี้ว่า หลังจากเข้ามาเทกโอเวอร์รายการ The Late Late Show แล้ว เขาต้องการจะสร้างช่วงที่เป็นไฮไลต์ของเขา ระหว่างที่กำลังโยนไอเดียกัน ก็เกิดปิ๊งความคิดเก่าๆ ที่เขาเคยชอบมาก

“ผมเคยเขียนบทซิตคอมที่ฉายในประเทศอังกฤษเรื่อง Gavin and Stacey ซึ่งค่อนข้างประสบความสำเร็จพอสมควร ตอนนั้นผมสร้างแคแร็กเตอร์ให้ตัวผมเองและ George Michael นั่งอยู่ในรถและร้องเพลงด้วยกัน ผมยังจำได้ไม่ลืมเลยว่ามันสนุกมากแค่ไหน”

“การได้เห็นคนดังร้องเพลงฮิตในสภาพแวดล้อมเดียวกับที่เราเคยทำ มันเป็นอะไรที่มีเอกลักษณ์มากๆ เมื่อได้ไอเดียแล้วผมก็ตัดสินใจทำรายการนี้ทันที”

Carpook Karaoke ถือเป็น “ของขวัญ” ที่มาช่วยสร้างเรตติ้งของรายการ The Late Late Show ให้พุ่งกระฉูดภายในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งถือว่าไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก และไม่ใช่เรื่องง่าย ขนาดเจ้าตัว James Corden ก็ออกมาพูดเองว่า นึกว่าจะใช้เวลาหาประมาณปีสองปี

ผมคิดว่าความสำเร็จของ Carpool Karaoke นี้จะมองว่าเป็นเรื่องของ “ดวง” ก็ไม่ถูกซะทีเดียว

เพราะภายใต้คำว่าดวงนั้น มันอาจแฝงไว้ด้วยคำว่า “ความแตกต่าง” “อินไซต์ของคน” “อารมณ์ขัน” “จังหวะเวลา” และคำว่า “สัญชาตญาณ”