วางบิล/เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ /อีกหน้าที่ของหนังสือพิมพ์

วางบิล/เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์   

อีกหน้าที่ของหนังสือพิมพ์

 

สิ้นเดือนกรกฎาคม วันที่ 31 ตรงกับวันศุกร์ รุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ถึงกับประกาศ แต่แจ้งให้ทราบว่า การปรับคณะรัฐมนตรีจะเสร็จสิ้นในเดือนนี้

เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเรียบร้อย ตามมาตรา 161 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 นายกรัฐมนตรีต้องนำรัฐมนตรีคนใหม่ก่อนเข้ารับหน้าที่ถวายสัตย์ต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคำต่อไปนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้กล่าวนำถวายสัตย์ (ไม่ทราบว่าเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด หรือตามที่นายกรัฐมนตรีนำถวายสัตย์เหมือนเมื่อเข้ารับหน้าที่ครั้งก่อน)

นับถึงวันนี้ รายชื่อผู้เป็นรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ เรียบร้อย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกต่อไป ทั้งเมื่อรัฐมนตรีคนใหม่ โดยเฉพาะผู้รับหน้าที่ทางด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ เริ่มปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ภาวะเศรษฐกิจไทยกระเตื้องขึ้นกว่าที่ผ่านมา ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะปรับเปลี่ยนลงไปอีกอย่างไร

แต่เชื่อได้ว่า ถึงวันนี้ “โควิด-19” น่าจะเข้าสู่ภาวะสงบลงไปบ้างไม่มากก็น้อย ดังเช่นในรอบเดือนที่ผ่านมา การแพร่ระบาดของโควิด-19 ลดลงไปมาก ทั้งอยู่ในภาวะคงตัวมากกว่าจะขยายตัวออกไปกว่าเดิม

 

เช่นเดียวกับการชุมนุมของ “คลื่นลูกใหม่” นิสิต-นักศึกษา รวมถึงนักเรียน คนวัยนี้ทุกวันนี้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองมากกว่าเมื่อสมัยก่อน ซ้ำยังมีการวิเคราะห์ สังเคราะห์อย่างเป็นรูปธรรม และมีวิธีการเป็นไปตามหลักการในระบอบประชาธิปไตย

ปัญหาของคนวัยนี้ ต้องอย่าให้คนวัยอื่นที่มีอายุมากกว่า มีประสบการณ์มากกว่าเข้ามาแทรกแซงเพื่อหาประโยชน์อย่างอื่น เช่น พยายามเบียดแทรกเข้ามานำเสนอแนวทางที่อาจก่อให้เกิดความคิดเห็นไปในทางที่ผิดไปจากเพื่อชาติเพื่อประชาธิปไตย เพื่อให้มีการนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญอันเป็นประโยชน์กับประชาชน มิใช่มีประโยชน์เฉพาะกลุ่ม เฉพาะทางเช่นรัฐธรรมนูญปี 2560

รวมไปถึงการนำไปสู่ความเป็นธรรมของพี่น้องประชาชนทั่วถึงกัน คือความเท่าเทียมกันให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างแท้จริง โดยเฉพาในเรื่องกฎหมาย เรื่องของกฎระเบียบที่ปฏิบัติต่อประชาชนตั้งแต่น้อยคุ้มใหญ่ไม่ว่าจะเป็นกรณีครูประพฤติปฏิบัติกับนักเรียน ควรให้มักเรียนมีส่วนร่วมในการนำระเบียบมาปฏิบัติกับนักเรียน

เพราะการจะนำระเบียบปฏิบัติไปปฏิบัติกับผู้ใด ควรให้ผู้นั้นมีส่วนพิจารณาว่าเหมาะสมเพียงใด มิใช่เหมาะสมกับฝ่ายผู้นำไปให้ปฏิบัติเพียงฝ่ายเดียว

 

ขอยกตัวอย่างเมื่อครั้งหลายสิบปีที่ผ่านมา ครั้งนั้น แม้แต่นักเรียนฝึกหัดครู ซึ่งต้องเตรียมตัวออกไปฝึกสอน และสำเร็จไปเป็นครูภายในปีสองปีนั้น ย่อมไว้ทรงผมที่เรียกว่ารองทรงได้ ส่วนนักเรียนฝึกหัดครูผู้หญิงไว้ผมยาวได้ควรแก่กรณีเมื่อต้องออกไปฝึกสอน ไม่ใช่ตัดผมสั้นเสมอหู

ครั้งนั้น นักเรียนฝึกหัดครูผู้ชายใช้เวลาช่วงค่ำออกไปเล่นดนตรีตามสถานบันเทิง เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียน การออกไปทำอาชีพเป็นนักดนตรี ส่วนหนึ่งนิยมไว้ผมยาวประบ่า ซึ่งผิดระเบียบของการเป็นนักเรียนฝึกหัดครู

วิธีแก้ปัญหาของครูผู้ปกครองคือ บอกให้นักเรียนฝึกหัดครูนักดนตรีผู้นั้นทราบถึงระเบียบปฏิบัติ แต่ไม่ห้ามการออกไปมีอาชีพช่วงนอกเวลาเรียนซึ่งเป็นสิทธิ เพียงขอให้ใช้ “ผมปลอม” หรือ “วิก” ขณะไปเล่นดนตรี เมื่อกลับเข้ามาเรียนผมยังเป็น “รองทรง” ซึ่งนักเรียนผู้นั้นยอมปฏิบัติตามระเบียบ จึงได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

ส่วนเรื่องสวมกางเกงมีจีบหน้าสองจีบ กับกางเกงที่ไม่มีจีบ นักเรียนชายใช้วิธี “ฝากกางเกงมีจีบไว้ที่ร้านอาหารร้านกาแฟหน้าวิทยาลัย” เมื่ออยู่ข้างนอกใส่กางเกงไม่มีจีบ ตามแฟชั่น เมื่อจะเข้าวิทยาลัยก็เปลี่ยนการเกงที่ร้านอาหารร้านกาแฟหน้าวิทยาลัยนั้น เท่านี้ก็ไม่ผิดระเบียบแต่อย่างใด เพียงแต่กางเกงมีจีบกว่าจะซักครั้งหนึ่งอาจต้องนุ่งนานนับเดือน

การกร้อนผมนักเรียน ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยทำ แต่ยุคสมัยนั้นรัฐธรรมนูญยังไม่กำหนดสิทธิมนุษยชนไว้ จึงไม่สามารถอ้างอย่างไรได้

 

สมัยนี้เป็นยุคของความเท่าเทียมในเรื่องสิทธิมนุษยชน ผู้ใดจะละเมิดมิได้ แต่การให้นักเรียนไว้ทรงผมที่เหมาะสมกับการเป็นนักเรียนก็สมควร เช่น ผมรองทรง ไม่ใช่ยาวกระเซอะกระเซิงของนักเรียนชาย และไม่ใช่ยาวเฟื้อยหรือย้อมผมเป็นนางแบบของนักเรียนหญิง อย่างนี้เรียกว่าเพื่อให้เป็นความเหมาะสมในการเป็นนักเรียน รวมถึงนักศึกษาควรปฏิบัติตามระเบียบของสถานที่นั้น ส่วนเมื่ออยู่นอกโรงเรียน จะประพฤติปฏิบัติตัวอย่างไรก็ได้ อย่าให้ผิดกฎหมายบ้านเมือง

ว่าถึงกฎหมาย การมีระบอบปกครองระบอบประชาธิปไตย การมีสภาผู้แทนราษฎร การเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้แทนฯ ได้เมื่ออายุ 18 ปีบริบูรณ์ ย่อมเป็นการให้สิทธิเสรีภาพของผู้ที่อยู่ในวัยอันสมควร ขณะผู้ที่อายุน้อยกว่านี้ ในโรงเรียน ในสถาบันการศึกษา ย่อมให้โอกาสที่จะมีสภา หรือมีผู้แทนฯ ของตนเพื่อไปออกระเบียบข้อบังคับของตนเองได้

การที่รัฐมีสภาเด็ก ในโรงเรียนมีสภานักเรียน ในมหาวิทยาลัยมีสภามีองค์การนิสิตนักศึกษา ย่อมมีเพื่อให้เด็ก นักเรียน นักศึกษา เรียนรู้เรื่องระบบการเมืองการปกครองในวัยอันสมควร

ทั้งยังมีโอกาสเรียนรู้เรื่องการเมืองการปกครองจากรัฐสภา จากรัฐบาล จากสื่อมวลชนที่นำเสนอข้อมูลข่าวาร การถ่ายทอดการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะการถ่ายทอดระหว่างการที่สมาชิกอภิปรายปัญหาของรัฐบาล และการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้งเป็นรายบุคคลและทั้งคณะ

 

สื่อสารมวลชน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และวันนี้ระบบโซเชียลมีเดียกระจายออกไปกว้างขวาง ทั้งเด็กและวัยรุ่นต่างใช้โซเชียลมีเดียติดต่อสื่อสารถึงกันได้อย่างมีอิสระและเสรีภาพ ดังนั้น ข้อมูล ข่าวสารที่เกิดขึ้นจึงเผยแพร่ออกไปอย่างไม่มีจำกัด

หน้าที่หนึ่งของสื่อสารมวลชน หรือหนังสือพิมพ์จึงไม่เพียงมีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเท่านั้น ยังต้องนำเสนอทั้งความรู้ความบันเทิง และปรากฏการณ์ให้กับผู้อ่าน เพื่อให้ผู้อ่านและประชาชนได้รอบรู้ทั้งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง และได้รับความบันเทิงอันเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมาโดยตลอด

ดังเมื่อครั้งเริ่มต้นดำเนินการออกหนังสือพิมพ์มติชนสู่สาธารณชน ปี 2525 หนังสือพิมพ์มติชน โดยบริษัท มติชน จำกัด จึงร่วมกับองค์การยูนิเซฟในประเทศไทย นำเสนอ “คอนเสิร์ต ฟอร์ ยูนิเซฟ” ร่วมกับวงดนตรีคาราวาน จากสุรชัย จันทิมาธร (หงา คาราวาน) ขึ้นแสดง ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เพื่อนำรายได้ให้ยูนิเซฟไปช่วยเหลือเด็กยากไร้ในประเทศไทย