อะไร อะไร ก็ กรู / ฉบับประจำวันที่ 17-23 กรกฎาคม 2563

ต้องรีบออกมาแสดงความเสียใจ และขอโทษ
สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้อำนวยการ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. และ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.
เพื่อลดความ “โกรธ” ของประชาชน
กรณีที่ ศบค.การ์ดตก ทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงที่ไวรัสโควิด-19 จะกลับมาระบาดในไทยรอบ 2
อันเนื่องจากทหารอียิปต์ และครอบครัวคณะทูตจากประเทศซูดาน อาศัย “เอกสิทธิ์” และความมี “อภิสิทธิ์” หลีกเลี่ยงมาตรการควบคุมโรค และไม่อยู่ในที่ควบคุมที่รัฐบาลกำหนด

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะนำ ศบค.ออกมาขอโทษและแสดงความเสียใจ เพื่อสยบความไม่พอใจนั้น
มีบุคคลหนึ่งที่เจอหมัดหลงจากกรณีนี้เข้าอย่างจังและตั้งแต่แรก
นั่นก็คือ บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก
เพราะทันทีที่มีข่าวทหารอียิปต์ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และละเมิดกฎการควบคุมตัว
กระแสโลกโซเชียลก็มุ่งโจมตีไปยังผู้บัญชาการทหารบกทันควัน ว่า
นี่อาจเป็นอีกเคสหนึ่งของอภิสิทธิ์ชนที่เชื่อมโยงไปถึง “กองทัพ” หรือไม่

ปฏิกิริยาด้านลบที่พุ่งเข้าหา พล.อ.อภิรัชต์ ล้นหลามจนขึ้นอันดับ 1 ของอินสตาแกรม
ทั้งที่กรณีข้างต้นไม่เกี่ยวกับกองทัพบก
เป็นเรื่องของกองทัพอากาศและกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะต้องรับผิดชอบ ดูแล
แต่ตอนแรกกระแสกลับพุ่งเข้าหากองทัพบกและ พล.อ.อภิรัชต์
ซึ่งตรงนี้อาจจะเป็น “ซากเชื้อ” ที่หลงเหลือจากกรณี พล.อ.James McConVille ผบ.ทบ.สหรัฐอเมริกา เดินทางเยือนไทย ในฐานะแขกของกองทัพบก เมื่อ 9-10 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา
ด้วยเพราะตอนแรกมีกระแสข่าวว่า ผบ.ทบ.สหรัฐและคณะ ใช้อภิสิทธิ์วีไอพี ไม่ยอมตรวจโควิด ไม่ยอมกักตัวตามมาตรการของไทย
โดยข่าวที่สะพัดออกมาในตอนแรกดูเหมือนว่า พล.อ.อภิรัชต์จะผ่อนปรนตามการร้องขอนั้น
ส่งผลให้ทั้ง ผบ.ทบ.สหรัฐ และ พล.อ.อภิรัชต์ ถูกโจมตีอย่างหนัก

จนทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ทนไม่ไหว
ต้องออกมาแถลงตอบโต้อย่างเป็นทางการ โดยยืนยัน
“ผบ.ทบ.สหรัฐยอมทำตามมาตรการของเราทุกอย่าง”
ไม่ได้เป็นอย่างที่โจมตีกันอย่างหนัก
ว่ากันว่า ที่ พล.อ.อภิรัชต์ต้องออกมาชี้แจงด้วยตัวเอง เพราะนอกจากเสียหายหนักแล้ว
ยิ่งเมื่อมีการสืบสาวราวเรื่องไป
พล.อ.อภิรัชต์ดูจะปักใจเชื่อว่า เรื่องนี้มีการเมืองภายในเข้ามาเกี่ยวข้อง
ต้องไม่ลืมว่า พร้อมๆ กันนี้ ก็ยังมีการปล่อยข่าวว่า พล.อ.อภิรัชต์จะขอต่ออายุราชการ ด้วยการดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกต่อไปอีก
การที่ข่าวลือเช่นนี้เกิดขึ้น ในช่วงก่อนฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายทหารครั้งใหญ่ ที่ 4 ผู้บัญชาการเหล่าทัพจะเกษียณราชการพร้อมกันหมด และกำลังจะเลือกผู้บัญชาการเหล่าทัพชุดใหม่มาแทนนั้น จึงเหมือนการติดตั้ง “สายล่อฟ้า” เอาไว้ที่กองทัพบก
ล่อให้สายฟ้าพาดลงที่ผู้บัญชาการทหารบกนาม พล.อ.อภิรัชต์
เหมือนต้องการให้ถูกมองว่าฝ่าย พล.อ.อภิรัชต์ปล่อยข่าว โยนหินถามทาง เพื่อหยั่งเชิง หยั่งกระแสอะไรบางอย่าง
จน พล.อ.อภิรัชต์ต้องรีบออกมาจบข่าวดังกล่าว โดยยืนยัน
“30 กันยายน ผมก็ ‘ส่งธง’ แล้ว ส่งมอบหน้าที่ จบภารกิจ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องต่ออายุผม …เมื่อจบภารกิจ จบบทบาท ผมก็เซ็ตซีโร่ตัวเอง”

ชัดเจนถึงขนาดนั้น
แต่ดูเหมือนก็ไม่อาจสยบข่าวลือต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาเป็นระลอกๆ
รวมถึงกรณีทหารอียิปต์ ที่ตกเป็นเหยื่อ ถูกกระหน่ำตีฟรีๆ ด้วย
และเชื่อว่าคงไม่หยุดอยู่เพียงนั้น
เพราะอย่างที่ทราบ พล.อ.อภิรัชต์นั้นเป็นเนื้อเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเป็นกำลังหลักของขั้วอำนาจ 3 ป.
เป็นนายทหารที่มีสถานะพิเศษ ที่เป็น ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ผบ.ฉก.ทม.รอ.904)
ซึ่งทำให้ถูกประเมินว่า ไม่น่าจะเซ็ตซีโร่ตัวเองได้
คงจะยังมีบทบาทต่อไป
และบทบาทนั้น ถูกมองว่า มากด้วย “อภิสิทธิ์และเอกสิทธิ์”
แม้ต้องเว้นวรรคทางการเมือง 2 ปี หลังพ้นตำแหน่ง ส.ว.เสียก่อน
แต่มีแต้มต่อเหนือหลายๆ คน กรณีจะไปต่อ
นี่เอง พล.อ.อภิรัชต์จึงเป็นเป้าถูกเฝ้ามองอย่างใกล้ชิด
พร้อมกับถูกนำไปโยงใยกับเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะ “การเมือง” และ “การทหาร” ที่เชื่อว่าจะยังมีบทบาทต่อ “ดุลอำนาจ” ประเทศต่อไปและอย่างหลีกเลี่ยงยาก
จึงต้องทำใจ ประสา คนเด่น ดัง
ที่ อะไร อะไร ก็ กรู