‘ผบ.ทสส.’ ย้ำ ผบ.เหล่าทัพปลูกฝังกำลังพลจงรักภักดี เทิดทูนพระมหากษัตริย์

“ผบ.ทสส.” ย้ำ ผบ.เหล่าทัพปลูกฝังกำลังพลปกป้อง เทิดทูนพระมหากษัตริย์ ติดธงชาติ-พระบรมฉายาลักษณ์ ”ในหลวง“ ตลอดเดือนมหามงคล ให้ระวังการแสดงความคิดเห็นในสื่อสังคมออนไลน์/ หนุนรวมไทยสร้างชาติของนายกฯ / ด้าน ทร.ผุด ฉก. “นักรบ คชรน.” สู้สงครามนิวเคลียร์ ชีวะ เคมี

เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สนง.ตร.) พล.ท.อภิสิทธิ์ นุชบุษบา เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร ในฐานะหัวหน้าโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย พร้อม พล.ต.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา , พล.ร.ต.ณัฐพงศ์ เกตุสมบรูณ์ และ พ.อ.หญิงฉัตรรพี พูนศรี โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยมี พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานซึ่งก่อนการประชุม ได้มีการประชุมคณะผู้บัญชาการทหารโดยมี พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

โดยการประชุมครั้งนี้ได้ประชุมหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลและเตรียมการปฏิบัติงานในอนาคตต่างๆ กองบัญชาการกองทัพไทย ได้มีการพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตแผนที่ให้ทันสมัย รวดเร็ว ทันกับการพัฒนาประเทศและบริการข้อมูลแผนที่ทางบกให้ใช้งานได้ง่าย สะดวก รวมทั้งพัฒนาขีดความสามารถในการเชื่อมโยงกับแผนที่ทางทะเล แผนที่ทางอากาศได้ เพื่อบูรณาการข้อมูลแผนที่ของกองบัญชาการกองทัพไทยและเหล่าทัพให้เป็นข้อมูลแผนที่กลางของกองทัพไทยในการปฏิบัติการทางทหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กองทัพบก กำหนดให้ปี 2563 เป็น “ปีแห่งการพัฒนาความรู้ และความสามารถทางทหารของกำลังพลกองทัพบกในทุกระดับ” โดยกำหนดแนวทางการปฏิบัติที่สำคัญได้แก่ การยกระดับมาตรฐานความแข็งแรงทางด้านร่างกาย, การพัฒนาด้านความรู้, การพัฒนาความชำนาญทางทหาร และการปรับปรุงพัฒนาการฝึกให้สอดคล้องกับแนวทางการใช้กำลังของกำลังพล นอกจากนี้ ยังได้จัดทำคู่มือทหารต้านโควิด – 19 เพื่อให้สามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมแห่งชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นไปตามมาตรการควบคุมหลักของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายของการเป็นกองทัพที่มีศักยภาพ ทันสมัย เป็นที่เชื่อมั่นของประชาชน และเป็นหนึ่งในกองทัพบกชั้นนำของภูมิภาค

สำหรับกองทัพเรือ การเตรียมความพร้อมในการรองรับสงครามอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (Weapon of Mass Destruction : WMD) ได้แก่ อาวุธเคมี ชีวะ รังสี และนิวเคลียร์ หรืออาวุธ คชรน. (Chemical-Biological-Radiological and Nuclear : CBRN) โดยได้จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ ที่ขนานนามว่า “นักรบ คชรน.” ทำหน้าที่หลักใน 3 ด้าน ได้แก่ ปฏิบัติการป้องกันสงครามนิวเคลียร์ ชีวะ เคมี, ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายที่ใช้อาวุธทำลายล้างสูง และปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัยจากสารเคมีและวัตถุอันตราย เพื่อปฏิบัติภารกิจร่วมกับมิตรประเทศและเข้าร่วมกับสหประชาชาติได้อย่างสอดประสาน มุ่งเน้นให้ผู้ปฏิบัติเกิดความมั่นใจว่า “ทำได้จริง ควบคุมได้จริง” สามารถนำไปสู่ขั้นการปฏิบัติได้โดยอัตโนมัติทั้งในการปฏิบัติการเรือ การปฏิบัติการทางบก และการช่วยเหลือประชาชน

ในส่วนกองทัพอากาศ ได้มีการพัฒนาขีดความสามารถกำลังทางอากาศ ทั้งมิติทางอากาศ (Air Domain) มิติไซเบอร์ (Cyber Domain) และมิติอวกาศ (Space Domain) บนแนวคิดการปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network Centric Operations) ใน 6 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาที่อยู่บนฐานคิดของการเปลี่ยนแปลงจากภัยคุกคามแบบดั้งเดิม, การพัฒนามิติทางอากาศ, การพัฒนามิติทางไซเบอร์, การพัฒนามิติอวกาศ, การพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติการร่วม และการพัฒนาขีดความสามารถในการพัฒนายุทธวิธีการรบทางอากาศ เพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็นกองทัพอากาศชั้นนำในภูมิภาค

และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 )
ในการประสานการปฏิบัติกับกลไกหลักของแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศผ่านกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (กอ.รมน.จ.) ขับเคลื่อนการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศในลักษณะการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ อาทิ ฝ่ายปกครอง ทหาร กระทรวงสาธารณสุข มีการนำเทคโนโลยีมาใช้  ในการควบคุม กำกับดูแล สั่งการและติดต่อสื่อสารกับหน่วยต่างๆ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดและป้องกันปราบปรามอาชญากรที่ฉวยโอกาสก่อเหตุในสถานการณ์วิกฤติโควิด – 19 รวมทั้งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มของผู้ติดเชื้อลดลงจนอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ อันจะส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้กล่าวขอบคุณเหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้การสนับสนุนดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเน้นย้ำให้เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปลูกฝังกำลังพลทุกนายให้มีความจงรักภักดี ปกป้อง พิทักษ์รักษา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งให้การสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 อย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมในการฟื้นฟูหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลาย

นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำให้เหล่าทัพเตรียมความพร้อมด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในห้วงฤดูฝนที่อาจเกิดภัยธรรมชาติได้ ตลอดจนกวดขันกำลังพลทุกระดับอย่างใกล้ชิดในการประพฤติปฏิบัติตนตามแบบธรรมเนียมทหารอย่างเคร่งครัด ไม่กระทำการที่ฝ่าฝืนกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ พร้อมทั้งใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบในการแสดงความคิดเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของสังคมต่อไป