21มิ.ย.63 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยและที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีผู้ตรวจการณ์แผ่นดินมีคำวินิจฉัยเรื่องร้องเรียนของนายปิติพงศ์ เต็มเจริญ และ นายทรรศนัย ทีน้ำคำ ที่ขอให้พิจารณาเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยเกี่ยวกับสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาจำนวน90คน ซึ่งผลของการวินิจฉัยคือให้ยุติเรื่อง โดยใช้เหตุผลว่ารัฐธรรมนูญปี60กำหนดว่า ต้องให้สมาชิกวุฒิสภาด้วยกันเท่านั้น ที่จะมีสิทธิร้องต่อประธานวุฒิสภา เพื่อตรวจสอบสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภา ประชาชนห้ามยุ่ง

ส่วนอีกประเด็นคือ กรณีกองทัพบกมีคำสั่งปลดส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี หรือหมู่อาร์ม ออกจากราชการฐานหลบหนีขาดราชการ แต่จากข่าว หมู่อาร์มไม่เคยมีเจตนาหลบหนี เป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาจากเจ้าตัวดันไปเปิดเผยการทุจริตของหน่วยงานในกรมสรรพาวุธทหารบก เลยถูกคุกคาม ต้องหลบตัวและอยู่ในกระบวนการคุ้มครองพยานตามกฎหมาย เรื่องนี้ตกอยู่ในความสนใจของประชาชน เพราะเป็นเรื่องเปิดโปงการทุจริตในกองทัพ โดยทหารชั้นผู้น้อยแต่กลับไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ใหญ่ของกองทัพ ดังนั้นระดับกระทรวงกลาโหมต้องลงมาใส่ใจกำกับดูแลเรื่องนี้โดยตรง ทำให้โปร่งใส ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และให้กองทัพบกทบทวนคำสั่งการปลดหมู่อาร์ม เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎชัดเป็นเช่นไร ก็ชี้แจงต่อสาธารณชน ความยุติธรรมก็จะเป็นที่ประจักษ์ แล้วก็ให้กองทัพดำเนินการในสิ่งที่ถูกที่ควรได้ต่อไป

ทั้งสองประเด็นดังกล่าว บ่งชี้ให้เห็นว่าประชาชนเริ่มกล้า ที่จะเข้าไปตรวจสอบและเปิดเผย การกระทำที่ไม่ถูกไม่ควรต่อสังคม เป็นสิ่งที่สอดรับกับการจุดประกาย ร่วมคิด ร่วมทำ ของภาคประชาชน ที่กลุ่มแคร์กำลังขับเคลื่อนอยู่ เราไม่อาจวางใจกับองคาพยพ ผลพวงของรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจ ที่ยากต่อการแก้ไข และเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่ก่อให้เกิดอุปสรรคทั้งปวงตามมา แต่ ณ เวลานี้ มันกำลังจะถูกท้าทาย จากการลุกฮือ ร่วมคิด ร่วมทำ เคลื่อนไทย ของภาคประชาชน ประวัติศาสตร์ได้ระบุไว้ว่า วิถีของการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ มันเกิดจากพลังของประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยตัวจริงเป็นกองหน้าเสมอ

พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่