“ป๋า” FC แถวหน้า #ทีมลุงตู่ กองเชียร์ทหารเสือฯ ขี่เสือ จับตาพลังทหารม้า กับพรจาก “ป๋า” แด่ “บิ๊กเจี๊ยบ”

ไม่มีใครอาจหยั่งรู้ได้แน่ชัดว่า ปี 2561 จะมีการเลือกตั้งหรือไม่ แม้วันนี้จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วก็ตาม…

หรือหากมีการเลือกตั้งแล้ว หลังการเลือกตั้งแล้วอะไรจะเกิดขึ้น

แต่ใครๆ ก็เชื่อว่า ไม่ว่าจะจัดสูตรอำนาจแบบไหน บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คงจะไม่ยอมลงจาก “หลังเสือ” ง่ายๆ

การเมืองนับจากนี้จะเข้มข้น และคึกคักไปด้วยความเคลื่อนไหวของทั้งนักการเมือง และทหารเอง

แต่ที่แน่ๆ มีแฟนคลับจำนวนไม่น้อย ที่หนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม เพราะกลัวจะ “เสียของ”

ในบรรดาแฟนคลับของ พล.อ.ประยุทธ์ เห็นจะมี ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ อยู่ในแถวหน้า

พล.อ.เปรมประกาศตัวชัดเจนว่า สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ในการเข้ามาแก้ปัญหาให้ชาติบ้านเมือง พร้อมให้กำลังใจมาตลอด ทุกครั้งที่บิ๊กตู่มุดเข้าบ้านสี่เสาเทเวศร์

ไม่ว่าจะวันเกิดป๋า 26 สิงหาคม ไม่ว่าจะปีใหม่ หรือสงกรานต์ ที่บ้านป๋า พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะได้รับกำลังใจก้อนมหึมากลับออกมาด้วยเสมอ

โดยเฉพาะสงกรานต์ปีนี้ พล.อ.เปรมพูดถึง พล.อ.ประยุทธ์เต็มปากเลยว่า “เป็นคนที่ไว้วางใจได้ที่จะให้เป็นผู้นำของเรา”

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.เปรมบอกเลยว่า “ผมเชียร์นายกฯ ลุงตู่ ให้กำลังใจนายกฯ ลุงตู่”

มาสงกรานต์ปีนี้ พล.อ.เปรม ก็ให้กำลังใจซ้ำอีก “ตราบใดที่นายกฯ ยังไม่ท้อแท้ ยังไม่ท้อถอย ทุกอย่างก็จะประสบความสำเร็จในที่สุด”

“ขอให้ภูมิใจที่ได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ชาติบ้านเมือง เป็นผู้นำที่ดี และนำความสุขกลับมาให้คนไทย” พล.อ.เปรมกล่าว

แม้วันนี้ พล.อ.เปรมกำลังจะอายุ 97 ถ้าเทียบกับคนวัยเดียวกัน ก็คงเตรียมตัวนับถอยหลังสู่วันสุดท้ายแห่งชีวิตแล้ว แต่ พล.อ.เปรมแตกต่าง เพราะยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ความทรงจำ สายตา เพราะตรวจสุขภาพเป็นประจำ เลือกรับประทานอาหาร ประเภทปลา ไม่ทานอาหารทอด หรือมัน เดินออกกำลังกายทุกเย็น ในสวนหน้าบ้าน และนอนกลางวัน และรีแลกซ์ด้วยการร้องเพลง เล่นดนตรี

แม้เปิดบ้านสงกรานต์คราวนี้ พล.อ.เปรมจะมีอาการเสียงขาดหาย และอาการสั่นอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าสุขภาพยอดเยี่ยมกว่าคนในวัยเดียวกัน หลายเท่าตัวนัก

“ดูภายนอก ผมดูเหมือนจะแข็งแรงดีนะ แต่ผมรู้ดีว่าผมแข็งแรงหรือเปล่า” ป๋าเปรม เปรยด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

ปีหนึ่ง ประตูบ้านสี่เสาฯ จะเปิดออก 3 ครั้ง เพื่อให้ผู้นำประเทศ ผู้นำกองทัพ และคนรักป๋า เข้ามาอวยพรปีใหม่ สงกรานต์ และวันเกิด อันเป็นโอกาสที่ป๋าเปรมจะได้พบปะพูดคุย และเอ่ยความในใจ

นอกจากคณะนายกฯ และ ผบ.เหล่าทัพแล้ว จะมีบรรดานายทหารม้าตบเท้าเข้ามาด้วยเสมอ

ด้วยรู้กันดีว่า พล.อ.เปรม เป็นทหารม้า และถูกเรียกว่า “ป๋า” ก็จากแวดวงทหารม้า ตั้งแต่เป็นผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า (ผบ.ศม.) เรื่อยมาจนทุกวันนี้ จากป๋าของทหารม้า กลายเป็นป๋าของคนทั้งประเทศ

“ผมรักทหารทุกคนทุกเหล่า ไม่ใช่รักแต่ทหารม้า แต่ผมผูกพันกับทหารม้ามากที่สุด” ป๋าเปรมกล่าว

นั่นยังเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ พล.อ.เปรมยังคงมีส่วนในการพัฒนาหน่วยทหารม้า อันส่งผลให้มีการจัดตั้งกองพลทหารม้าที่ 3 ขึ้นมา ให้เป็นทหารม้าอีสาน หลังจากที่มีแค่ พล.ม.1 ภาคเหนือ และ พล.ม.2 รอ. ทหารม้าเมืองกรุง หน่วยปฏิวัติ

โดยที่ พล.อ.เปรมเล็งที่จะให้มีกรมทหารม้าในกองทัพภาคที่ 4 ช่วยดูแลภาคใต้ด้วย

นอกจากนี้ พล.อ.เปรมยังสนับสนุนทหารม้าให้ได้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง

“ทหารม้าเราต้องช่วยทหารม้าด้วยกัน” ป๋าเปรมกล่าว

พล.อ.เปรมมักจะถามเสมอว่า ใครตำแหน่งอะไร จะเกษียณปีไหน เพื่อดูว่า จะขึ้นถึงเก้าอี้ผู้นำกองทัพได้หรือไม่ เพราะตั้งแต่มี พล.อ.เปรมเป็น ผบ.ทบ. ที่เป็นเหล่าทหารม้า แล้ว จนวันนี้ก็ยังไม่มีทหารคนใดได้ขึ้นถึง ผบ.ทบ. อีกเลย

สูงสุดก่อนหน้านี้ก็ บิ๊กตุ๊ด พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ อดีต รอง ผบ.ทบ. มาตอนนี้ ก็มีแค่ บิ๊กต้อ พล.อ.สสิน ทองภักดี เสธ.ทบ. ที่แม้จะเกษียณกันยายน 2561 แต่ก็ไม่อาจขึ้น ผบ.ทบ. ได้ เพราะ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. เกษียณกันยายน 2561 พร้อมกัน

แต่ทว่า ในยุคนี้ก็ถือว่ามีเหล่าม้าขึ้นมาในตำแหน่งสำคัญไม่น้อย เช่น บิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกลาโหม บิ๊กแฉะ พล.อ.กฤษฎา อารีรัชชกุล รอง ผบ.สส. บิ๊กเปี๊ยก พล.อ.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล ผช.ผบ.ทบ. ที่ก็จะเกษียณกันยายน 2560 นี้กันแล้ว

รวมทั้ง บิ๊กต๊อก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ เสนาธิการทหาร ที่จ่อเป็น ผบ.ทหารสูงสุด คนต่อไป ในโยกย้ายกันยายนนี้ เมื่อ บิ๊กปุย พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ เกษียณราชการ และ บิ๊กตี๊ พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3

ความหวังของทหารม้า ในอนาคตอันใกล้ จึงจับตามองไปที่ บิ๊กแก้ว พล.ต.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.พล.ม.2 รอ. แกนนำเตรียมทหารรุ่น 21 ที่มีอายุราชการถึงปี 2566 เป็นนายทหารม้าที่โตมาจากสายยุทธการทหารบก แถมที่ผ่านมาก็รับบทบู๊ คุมหน่วยที่ทำงานรักษาความสงบเรียบร้อย (รส.) และเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษส่วนกลางของ คสช.

จึงจะเห็นได้ว่า ทหาร พล.ม.2 รอ. มีผลงานอย่างมาก ตั้งแต่รัฐประหารเรื่อยมา

ช่วงวันสงกรานต์ที่ป๋าเปิดบ้านนั้น พล.อ.วันชัย เรืองตระกูล อดีตปลัดกลาโหม สวมเครื่องแบบทหารบก นำทหารม้า ทั้งม้าแก่ ม้าฉกรรจ์ และม้าหนุ่ม ตบเท้าขอพร พล.อ.เปรม จนเป็นประเพณีของทหารม้า

“ทหารม้ารุ่นเราจะต้องทำหน้าที่ถ่ายเลือดให้รุ่นต่อไป จนถึงรุ่นร้อยตรี ถ่ายเลือดแห่งความจงรักภักดี เลือดแห่งการรักชาติบ้านเมือง แม้จะอีก 100 ปี เราก็ต้องถ่ายเลือดทหารม้าเราต่อไป” พล.อ.เปรมกล่าว

ในตอนหนึ่ง พล.อ.วันชัยได้บอก พล.อ.เปรม ถึงการที่ บิ๊กจิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ที่ก็เคยเป็น “ลูกป๋า” นอนอยู่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ นานเป็นเดือนแล้ว หลังจากล้ม

“เป็นยังไงบ้าง พูดได้มั้ย คุณหญิงหลุยส์เฝ้าอยู่เหรอ” ป๋าถามอาการ ก่อนที่ พล.อ.วันชัยจะขออนุญาตว่า ไปเยี่ยมคราวหน้า จะขอบอกว่า ป๋าฝากความห่วงใยมา

“เขาเป็นคนเก่งนะ แต่เป็นคนดื้อ และหวังสูง เคยเป็นนายกฯ มาแล้ว ก็ไม่รู้จะยังไงอีก” ป๋าเปรมเปรย

พล.อ.วันชัย จึงได้แต่ยิ้มๆ…ตามประสาที่เข้าใจพ่อม้า อย่าง พล.อ.เปรม

เพราะสำหรับทหารม้าแล้ว เสียงเตือน พร่ำสอนของ พล.อ.เปรม มีให้ได้ยินเสมอ ตามประสาพ่อม้าสอนลูกม้า

ครั้งหนึ่ง พล.อ.ชวลิตเคยเป็นลูกป๋า แต่มาวันนี้ ต่างคนต่างเดินในเส้นทางของตนเอง…

มาตอนนี้ พล.อ.เปรมกำลังตั้งความหวังไว้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่แม้จะไม่ได้เติบโตทันในยุคป๋า แต่ทว่า เมื่อครั้งเป็นทหารเสือราชินี ตามเสด็จฯ ก็ได้พบเจอ พล.อ.เปรมอยู่เนืองๆ

ประกอบกับการที่ พล.อ.เปรม ชื่นชม สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ อย่างชัดเจน ก็อาจถือได้ว่า บิ๊กตู่ก็เป็นนายกฯ ลูกป๋าอีกคน

ยิ่งป๋าเปรมหนุนหลังแบบนี้ ก็ยิ่งเชื่อกันว่า พล.อ.ประยุทธ์จะยังไม่อาจลงจากหลังเสือได้ง่ายๆ ยิ่งแจ่มชัดมากขึ้น

หลังมีรัฐธรรมนูญ ทำให้นักการเมืองเคลื่อนไหวคึกคัก รวมทั้งบรรดานายทหารที่ไปอยู่เบื้องหลังพรรคการเมืองต่างๆ หลายคนพูดเต็มปากว่า สนิทสนมกับบิ๊กทหารใน คสช. บ้างก็ระบุว่า ตนเองเป็นคนของบิ๊กคนไหน

แม้จะเชื่อกันว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ท้อแท้ ไม่ถอดใจง่ายๆ หากจะต้องกรำศึกการเมืองต่อไปอีกสมัยก็ตาม

แต่กระนั้น กระแสข่าว “นายกฯ สำรอง” ที่พุ่งไปที่ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย ก็ยังคงมีอยู่

โดยเฉพาะเมื่อร่วมคณะ พล.อ.ประยุทธ์ และ ผบ.เหล่าทัพ เข้าบ้านป๋าเปรมเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา

ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ประคองแขน พล.อ.เปรม เดินทักทาย ผบ.เหล่าทัพ แล้วมาหยุดยืนยิ้มทักทาย พล.อ.เฉลิมชัย

แต่ที่ไฮไลต์สุด และทุกคนในงานจ้องกันเป็นตาเดียวกัน เมื่อ พล.อ.เฉลิมชัย เข้ารดน้ำอวยพรและขอพร พล.อ.เปรม

“ไม่ค่อยเห็นเฉลิมชัยออกข่าวนะ ดีแล้ว ทำงานของเราไป ไม่ต้องไปโฆษณาตัวเองมาก แบบนี้ดีแล้ว ป๋าชอบ” พล.อ.เปรมกล่าวพร้อมส่งยิ้มให้บิ๊กเจี๊ยบ

ต้องไม่ลืมว่า พล.อ.เฉลิมชัย ได้นามสกุลต่อท้ายว่าเป็น “ลูกป๋า” ไปแล้ว แม้จะไม่เคยทำงานร่วมกับป๋า แต่ด้วยเพราะเป็นน้องรักของ บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ลูกป๋าคนโปรดนั่นเอง

พล.อ.สุรยุทธ์ และ พล.อ.เฉลิมชัย เป็นพี่น้องรบพิเศษที่ทำงานในหน่วยรบพิเศษ และปฏิบัติราชการลับมาด้วยกัน

เชื่อกันว่า พล.อ.เปรม และ พล.อ.สุรยุทธ์ มีส่วนสำคัญในการขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. ของ พล.อ.เฉลิมชัย

แต่เมื่อมีกระแสข่าวการเป็นนายกฯ สำรอง หรือเป็นทายาทอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยแล้ว ทำให้ พล.อ.เฉลิมชัย ต้องระวังตัวมากขึ้น

“ไม่มีหรอก ไม่มีทางเป็นไปได้” พล.อ.เฉลิมชัยสยบข่าวถูกวางตัวเป็นนายกฯ สำรอง

แน่นอนว่า กระแสข่าวนี้ย่อมมีที่มาที่ไป นับตั้งแต่ก่อนที่ พล.อ.เฉลิมชัยจะฝ่าดงทหารเสือราชินี และบูรพาพยัคฆ์ ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. เมื่อตุลาคม 2559 เสียอีก

จนทำให้ พล.อ.เฉลิมชัย กลายเป็น ผบ.ทบ.รบพิเศษ ที่มาในช่วงสถานการณ์พิเศษ

แถมในพระราชพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญ เมื่อ 6 เมษายนที่ผ่านมา พล.อ.เฉลิมชัย ก็ถูกจับตามองอีกครั้ง เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ราชองครักษ์เวร ตามเสด็จฯ พร้อมกับ บิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พอดี

พร้อมทั้งกระแสข่าวที่ พล.อ.เฉลิมชัยมีภารกิจพิเศษสัปดาห์ละ 2 ครั้งอีกด้วย ที่ยิ่งทำให้เขาถูกจับตามอง

ทั้งๆ ที่เจ้าตัวเองไม่อยากตกอยู่ในสภาวการณ์ หรือตกเป็นข่าวในลักษณะนี้เลย

“จากนี้ไป ผมคงต้องระวังตัวมากขึ้น” บิ๊กเจี๊ยบเปรย

รวมทั้งการออกมาให้สัมภาษณ์ หรือเป็นข่าวให้น้อยลง กลับมายึดแนวทาง “พลังเงียบ เฉียบขาด” แบบรบพิเศษ ตามเดิม

ปกติแล้ว พล.อ.เฉลิมชัยจะให้สัมภาษณ์นักข่าวสัปดาห์ละ 1 ครั้งเท่านั้น ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ทุกวัน

“พูดมาก ให้สัมภาษณ์บ่อยๆ จืดหมด” บิ๊กเจี๊ยบเคยให้เหตุผลแบบขำๆ

แต่เหตุผลจริงๆ คือ ถ้าไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรง ก็ไม่อยากจะให้ความเห็น และถ้าเป็นเรื่องการเมือง หรือจะทำให้เกิดความขัดแย้ง บิ๊กเจี๊ยบก็งดเว้นที่จะพูด

แต่ด้วยบทบาทหน้าที่ ทั้งการเป็น ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. และ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบ อาจทำให้ พล.อ.เฉลิมชัยไม่อาจอยู่นิ่งๆ เงียบๆ ได้อย่างที่ต้องการ

การมีรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการ “นับ 1” อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์บอก จึงเชื่อกันว่า จากนี้ภาพของการเมืองไทย ประเทศไทย จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ใครตัวจริง ใครตัวสำรอง อีกไม่นานจะได้รู้กัน…