จักรกฤษณ์ สิริริน : Twitter “ชีวิตวิถีใหม่” Work from Home ต่อ 100% แม้หมด COVID-19

หากย้อนกลับไปตอนเปิดตัวใหม่ๆ ต้องยอมรับว่า ในระดับ International นั้น Twitter คือ Social Media ที่ทรงอิทธิพลอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือและยุโรป

แต่จุดอ่อนของ Twitter อาจไม่ตรงกับความต้องการใช้งานของ User ในกลุ่มประเทศโลกที่สาม ซึ่งชอบ Function ชนิดเต็มรูปแบบเหมือน Facebook

คือ “จัดเต็ม” ทั้งภาพ เสียง วิดีโอ ไลก์ เมนต์ แชร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ไม่ลิมิตความยาวของข้อความ” ซึ่งต่างจาก Twitter ที่จำกัดเพียง 140 ตัวอักษรต่อ 1 โพสต์

ทำให้ Twitter หรือแม้แต่ Instagram ถูก Facebook แซงหน้าแบบไม่เห็นฝุ่น

 

อย่างไรก็ดี ในห้วงปีสองปีมานี้ ต้องยอมรับว่า คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z และ Gen Y เริ่มตีตัวออกห่าง Facebook

จากความเบื่อหน่ายระบบคัดกรอง Content หรือที่เรียกว่า Facebook Marketing Algorithm

ที่ปิดกั้น และลดการมองเห็น Status ของเพื่อนๆ แล้วแทนที่ด้วยโฆษณาจนล้นจอในแต่ละวัน

ส่งให้ยอดผู้ใช้งาน Twitter กระเตื้องขึ้นอย่างก้าวกระโดด

นอกจากนี้ ยังเป็นผลมาจาก “อิสรภาพในการแสดงความคิดเห็น” ที่ Twitter ได้เปิดช่องให้อย่างเต็มรูปแบบนั่นเอง

ทำให้ Twitter ได้รับการจับตามองจาก “ชาวเน็ต” ที่นอกจาก Gen Z และ Gen Y แล้ว ปรากฏการณ์ Gen X หันมาสมัครเล่น Twitter น่าตื่นเต้นมากในช่วงที่ผ่านมา

 

แม้ Twitter จะมีการปรับปรุงระบบและพัฒนารูปแบบการนำเสนอมากขึ้นเพียงใด ทว่า Function พื้นฐาน คือระบบคัดกรองสื่อลามก ความรุนแรง คำหยาบคาย หรือการละเมิดจรรยาบรรณต่างๆ ที่ยังคงตราตรึงไว้อย่างเข้มแข็ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายการรักษาความลับและการไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ที่เป็นแนวคิดดั้งเดิมของ Twitter ตั้งแต่เริ่มต้น

ทั้งหมดนี้เกิดจากอัจฉริยภาพของ Twitter ที่ผู้ก่อตั้งได้เขียนปณิธานไว้ คือการเชิดชู “ความต้องการพื้นฐานของมนุษย์” หรือ “การสื่อสาร”

ในช่วงสร้าง Twitter เมื่อต้นทศวรรษ 2000 ขณะนั้น เป็นกระแสสูงของ Blog ที่กำลังมีอิทธิพลต่อการกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งของธุรกิจดอตคอม ที่ต้องมองย้อนไปถึงช่วงเริ่มต้นของ Internet ในกลางทศวรรษ 1990 โน่นทีเดียว

Twitter เริ่มต้นด้วยรูปแบบของช่องข้อความเพียงกล่องเดียว ด้วยกฎห้ามพิมพ์ตัวอักษรเกิน 140 ตัวต่อ 1 Status ซึ่งก็ยังใช้มาตราบจนปัจจุบัน

ทุกวันนี้ผู้ก่อตั้ง Twitter ได้รับการยอมรับแล้วว่า เขาได้ส่งเสริมให้ผู้คนเชื่อมต่อกันอย่างสร้างสรรค์ ไม่แพ้คู่แข่งตัวฉกาจ นั่นก็คือ Facebook

 

ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของ Twitter จนถึงขณะนี้ ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น Application Software ที่เปี่ยมประสิทธิภาพ และทรงอิทธิพลในโลกของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

โดยเฉพาะหากพิจารณาถึงปรากฏการณ์ The Arab Spring ก็จะเห็นได้ว่า Twitter นั้นได้ก้าวเข้ามามีภารกิจในทางการเมืองและความมั่นคง นอกจากบทบาททางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ทำให้ทุกวันนี้ Twitter ได้รุกคืบเข้าไปอยู่ในระดับของการปฏิวัติวัฒนธรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

ตามปณิธานของผู้ก่อตั้ง Twitter คือ Jack Dorsey หนุ่มใหญ่วัยย่าง 44 ผู้ที่ ณ วันนี้ ขึ้นแท่นเป็นอภิมหาเศรษฐี ICT ของโลก ที่ได้กล่าวเอาไว้ตอนเริ่มต้นธุรกิจว่า

Twitter คือการ “ประกาศความต้องการของมนุษย์ ที่ปรารถนาสื่อสารกับคนอื่นๆ” นั่นเองครับ

 

ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่รู้จักกันในชื่อ COVID-19 หรือโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (Coronavirus 2019 หรือ SARS CoV-2) ซึ่งกำลังปะทุอยู่นี้

หลายองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้พากันอนุมัติให้พนักงาน Work from Home ได้ในห้วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา

แต่ในขณะนี้ ที่ดูเหมือน COVID-19 จะซาลงไปในหลายประเทศ องค์กรจำนวนมากได้ทยอยเรียกพนักงานกลับเข้า Office กันแล้ว

ซึ่งต่างจาก Twitter อย่างสิ้นเชิงครับ!

เพราะเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักข่าว BBC ได้รายงานว่า ทางสำนักงานใหญ่ของ Twitter ได้อนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน หรือ Work from Home ได้แบบถาวร หรือ 100% แม้ COVID-19 จะหมดไปก็ตาม

Jennifer Christie รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านทรัพยากรบุคคล หรือ CHRO (Chief Human Resources Officer) ของ Twitter กล่าวว่า แม้เดือนกันยายนที่จะถึงนี้ Twitter มีแผนเปิดออฟฟิศ ทว่านโยบายของ Jack Dorsey ไม่เป็นเช่นนั้น

 

“Jack ต้องการให้พนักงาน Twitter ของเขา สามารถยื่นความประสงค์ขอทำงานจากที่บ้านได้นานตราบเท่าที่แต่ละคนต้องการ” Jennifer กระชุ่น

“เดิมที Jack มีแนวคิด Decentralization หรือการกระจายอำนาจการบริหารจัดการและการปฏิบัติงานออกไปจากสำนักงานใหญ่ สู่สาขาอย่างเต็มรูปแบบมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งในช่วงเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา เขาได้พิสูจน์ให้เห็นผ่านนโยบาย Work from Home ว่า ทฤษฎีดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้จริง”

Jennifer สรุป

 

Jack Dorsey บอกเหตุผลว่า เราอนุญาตให้พนักงานเริ่มทำงานจากที่บ้านหลังเกิดวิกฤต COVID-19 ใหม่ๆ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งพวกเขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พวกเราชาว Twitter สามารถทำงานจากที่บ้านได้ 100%

“จุดเด่นของเรา คือความสามารถในการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ผมจึงอนุญาตให้พนักงาน Twitter ทุกคนในทั่วทุกมุมโลก Work from Home ได้ตลอดไป โดยทีมผู้บริหารจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ทุกรูปแบบ” Jack กล่าว และว่า

“ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา มันได้พิสูจน์แล้วว่า Work from Home นั้น Work จริง ดังนั้น พนักงานของเราจึงสามารถเลือก Work from Home ได้อย่างถาวร”

สำหรับเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคในส่วน “งานหลังบ้าน” ที่ต้องดูแล Server และระบบรักษาความปลอดภัยของ Network นั้น เราต้องขอว่า พวกเขาคงต้องเข้าออฟฟิศตามเดิม เพราะเป็นภารกิจที่ล่อแหลม Jack ทิ้งท้าย

 

ต้องยอมรับว่า Twitter คือบริษัทแรกของโลกที่กล้าประกาศให้พนักงาน Work from Home แบบ “ครบทุก Function” ระหว่างการกักตัวช่วงวิกฤต COVID-19 เกิดขึ้นใหม่ๆ

และทุกคนก็ปฏิบัติงานได้ดีอย่างไม่มีที่ติเลยทีเดียวครับ!

ในปัจจุบัน Twitter มีสาขาตั้งอยู่ที่ประเทศต่างๆ มากถึง 35 Office ทั่วโลก

ทันทีที่ e-Mail ของ Jack Dorsey จากสำนักงานใหญ่ Twitter ใน San Francisco ส่งถึงพนักงาน Twitter จำนวนกว่า 5,000 คนของเขา ผลตอบรับนั้นดีเกินคาด!

ซึ่งนอกจาก Jack จะประกาศนโยบาย มอบ Bonus พิเศษถึง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับพนักงานทุกคนที่ Work from Home แล้ว

พนักงาน Twitter ที่ล้วนเป็นคน Gen Z และ Gen Y ได้ขานรับแนวคิดของ Jack อย่างรวดเร็ว เพราะการ Work from Home คือ Life Style หรือ “วิถีชีวิต” ของพวกเขานั่นเอง

คงต้องกล่าวว่า นโยบายของ Twitter นี้ จะเป็นต้นแบบให้กับองค์กรทั้งหมดของโลกในยุค New Normal หรือ “ชีวิตวิถีใหม่”

ที่ทุกคนล้วนมีความเสี่ยงที่จะติด COVID-19 อย่างเท่าเทียมกัน!

ในขณะที่ Twitter ก้าวล้ำนำหน้ามาแล้ว องค์กรคู่แข่งในโลก Social Network ไม่ว่าจะเป็น Facebook Instagram Microsoft Amazon รวมถึง Google กลับยังกล้าๆ กลัวๆ

ประกาศเพียงว่า ให้พนักงานสามารถ Work from Home หรือ Work from Anywhere ได้ถึงแค่สิ้นปีนี้เท่านั้น!

 


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย.63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่