เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 สำนักข่าว เอพี รายงานว่า เหตุตำรวจผิวขาวจับกุมชายผิวดำจนถึงแก่ความตายที่เมืองมินเนอาโปลิส รัฐมินเนโซตา ได้บานปลายเป็นการลุกฮือต่อต้านตำรวจทั่วอเมริกาติดต่อมา 3 วัน แม้นายตำรวจที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ถูกปลดออกจากราชการไปแล้ว 4 นาย แต่ประชาชนต้องการให้ดำเนินคดีโดยทันที ล่าสุด สำนักงานตำรวจมินเนอาโปลิสถูกผู้ประท้วงบุกเผาวอด

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ข้อความแสดงความไม่พอใจวิธีการรับมือของทางการว่า ขาดความเป็นผู้นำอย่างสิ้นเชิง พร้อมตำหนิผู้ว่าการรัฐมินเนโซตาที่ปล่อยให้เกิดเหตุรุนแรง

“เพิ่งจะคุยกับผู้ว่าการทิม วอลซ์ และบอกเขาไปว่า เขามีทหารอยู่ในมือตลอดเวลา ถ้ามันยากเย็นนัก เราจะเข้าไปควบคุม แต่จะบอกให้ว่า ถ้าเริ่มมีการปล้นสะดม ก็จะเริ่มมีการยิงตามมา” ทรัมป์ทวีตข้อความ

โฆษกสถานีตำรวจแจ้งว่า ตั้งแต่ผู้ประท้วงมาชุมนุมหน้าสถานีตำรวจมินเนอาโปลิส เจ้าหน้าที่อพยพออกจากอาคารเป้าหมายไปแล้วเพื่อความปลอดภัย กระทั่งช่วง 4 ทุ่ม วันพฤหัสที่ 28 พ.ค. ภาพถ่ายทอดสดทางออนไลน์ หรือ ไลฟ์สตรีม แสดงให้เห็นว่า ผู้ประท้วงบุกเข้าไปในอาคาร มีเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น จากนั้นอุปกรณ์สปริงเกลอร์ก็พ่นน้ำออกมาควบคุมเพลิง

การลุกฮือประท้วงของมวลชนมาจากปมพิพาทสีผิวครั้งล่าสุดที่เจ้าหน้าที่ผิวขาวใช้กำลังต่อคนผิวดำไร้อาวุธจนถึงแก่ความตาย ยิ่งตำรวจใช้แก๊สน้ำตาและกระบองรับมือผู้ประท้วง ความรุนแรงยิ่งขยายวงกว้างออกไป

ต้นตอของเหตุการณ์มาจากการที่ตำรวจจับกุม นายจอร์จ ฟลอยด์ อายุ 46 ปี หน้าร้านสะดวกซื้อ เมื่อเจ้าของร้านแจ้งว่าใช้ธนบัตรปลอมมาจ่ายสินค้า นายตำรวจใช้เข่าล็อกกดตัวนายฟลอยด์นอนราบอยู่ที่พื้น แม้เหยื่อไม่ดิ้นแล้ว พร้อมร้องขอความปรานีว่าหายใจไม่ออก แต่ตำรวจไม่ยอมคลายล็อก จนผ่านไปถึง 8 นาที เหยื่อขาดใจตาย

 

---