ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - 21 พฤษภาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
ร้อยเอ็ด มีนามเต็มในตำนานว่า “เมืองร้อยเอ็ดประตู” หมายถึง เมืองที่อำนาจทางการเมืองและการค้าแผ่ขยายกว้างไกลออกไปทุกสารทิศ เสมือนมีร้อยเอ็ดประตูเมือง ประดุจกรุงทวารวดีในมหากาพย์ของอินเดียในชมพูทวีป
[ทวารวดี แปลว่าช่องทาง (ประตู) เข้าออก เพื่อให้หมายถึงเมืองท่าที่มีกิจกรรมติดต่อ (ค้าขาย) สะดวกสบายอุดมสมบูรณ์ (เป็นชื่อเมืองของพระกฤษณะในมหาภารตยุทธ์)]
ร้อยเอ็ด ในเอกสารโบราณเขียนเป็นตัวอักษรไทยน้อยว่า “เมืองร้อยเอ็ดประตู” หมายถึงเมืองมีประตูจำนวนมาก แต่ไม่หมายตายตัวตรงตามตัวอักษรว่าประตูเมืองมีจำนวนร้อยเอ็ด
ร้อยเอ็ด คือ ร้อยกับหนึ่ง หรือ 101 โดยปริยายหมายความว่ามากมายก่ายกอง
ตัวอย่างพบในสังข์ทอง (ร.2) ท้าวสามนต์ให้ลูกสาวทั้งเจ็ดนางเลือกคู่จากโอรสกษัตริย์ที่ป่าวร้องมาจากบ้านเมืองมากมายก่ายกอง “กษัตริย์ทั้งร้อยเอ็ดหัวเมืองใหญ่”
เช่นเดียวกับคำคล้องจองเก่าที่ว่า “ร้อยเอ็ด เจ็ดย่านน้ำ” หมายถึงจำนวนมากนับไม่ถ้วน
จำนวนนับ
สมัยโบราณนานมาแล้วเมื่อครั้งสังคมไม่กว้างขวาง โลกยังติดต่อสื่อสารกันไม่ได้ดังใจในพริบตาเหมือนปัจจุบัน ชีวิตประจำวันของคนทั่วไปต้องการจำนวนนับที่จำเป็นแค่ “สิบ” เท่านั้น
[จะเห็นว่าพอมากกว่าสิบก็ต้องยึดสิบเป็นหลักแล้วเพิ่มจำนวนเข้าไปทีละหนึ่ง ได้แก่ สิบหนึ่ง (นิยมเรียกสิบเอ็ด เพราะคำว่า เอ็ด เท่ากับหนึ่ง), สิบสอง ฯลฯ]
ถ้าจำนวน “ร้อย” ถือว่ามากที่สุดแล้ว ดังพบว่าสมัยก่อนผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ มีตำแหน่งเป็น “ร้อย” เรียก “นายฮ้อย” (ของอีสานตามประเพณีการค้าดินแดนภายใน) กระทั่งชื่อทางการของภาคกลางก็ “นายร้อย” เป็นใหญ่สุด (เช่น โรงเรียนนายร้อยฯ)
[“ล้าน” เป็นจำนวนศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีจริงในโลก เพราะคนสมัยนั้นนับไม่ถึงจึงขนานนามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ว่าล้านนา และ ล้านช้าง]
จำนวนร้อยถือว่ามากที่สุดในสังคมโบราณนานมาแล้ว เหตุนั้นจึงมีคำว่าร้อยอยู่ในความเปรียบที่รู้จักมักคุ้นกันดี ได้แก่
ร้อยชั่ง (มีค่ามาก เช่น สาวน้อยร้อยชั่ง), ร้อยทั้งร้อย (ทั้งหมดทั้งสิ้น), ร้อยแปดพันเก้า (มากมายหลายหลาก), ร้อยพ่อพันแม่ (คนจำนวนมากหลากหลายเผ่าพันธุ์), ร้อยวันพันปี (นานมาก), ร้อยสี่พันอย่าง (ต่างๆ นานา), ร้อยหวี (ชื่อกล้วยชนิดหนึ่งออกเครือมีหวีมากกว่าปกติ แม้ไม่ถึงร้อยก็เรียกเป็นร้อย)
ร้อยเอ็ด คือร้อยกับหนึ่ง หรือ 101 โดยปริยายหมายความว่าจำนวนมาก เพราะมากกว่าร้อย (ไปหนึ่ง) หรือ 100+1 เช่น “ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ” หมายถึงทั่วทุกหนแห่งในโลก บางทีเรียก “ร้อยเอ็ดเจ็ดคาบสมุทร” หรือ “ร้อยเอ็ดเจ็ดหัวเมือง” ก็ได้
เจ็ดย่านน้ำ
เมืองร้อยเอ็ด มีความหมายเข้าได้กับวลีเก่าว่า “ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ” โดยปริยายหมายถึงเมืองที่มีเครือข่ายการค้ามากมายก่ายกอง
เจ็ดย่านน้ำ หรือ เจ็ดคาบสมุทร หมายถึง มีขอบเขตหรือพื้นที่ปริมณฑลกว้างขวางมาก ครอบคลุมหมดมหาสมุทร หรือ “ทะเลทั้งเจ็ด”
คัมภีร์อินเดียเชื่อว่า มหาสมุทรหรือทะเลมี 7 แห่ง ดังนี้
- ทะเลน้ำเค็ม เรียกว่า ลาวัณย์ เป็นทะเลล้อมชมพูทวีป (อินเดีย)
- ทะเลน้ำอ้อย เรียกว่าอิกษุรโสทะ เป็นทะเลล้อมปลักษะทวีป (หมายถึงพม่า)
- ทะเลน้ำผึ้ง เรียกว่าสุรา (บางแห่งเป็นเมรัย) เป็นทะเลล้อมศาลมาลีทวีป (หมายถึงมลายู)
- ทะเลเปรียง เรียกว่าสระปี เป็นทะเลล้อมกุศะทวีป (หมายถึงหมู่เกาะซุนดา)
- ทะเลน้ำนมเปรี้ยว เรียกว่าทธิมัณฑะ เป็นทะเลล้อมเกราญจะหรือโกญจาทวีป (หมายถึงจีนใต้)
- ทะเลน้ำนม เรียกว่าทุคธะ หรือกษิร (เกษียรสมุทร) เป็นทะเลล้อมศักกะทวีป (หมายถึงสยามกัมโพช)
- ทะเลน้ำธรรมดา เรียกว่าชล หรือโตยัมพุธิ เป็นทะเลล้อมบุษกรทวีป (หมายถึงจีนเหนือ)
[จากหนังสือ ภูมิศาสตร์สุนทรภู่ ของ กาญจนาคพันธุ์ พิมพ์ครั้งที่สี่ พ.ศ.2515 หน้า 37-40]
ชื่อเมืองร้อยเอ็ด ไม่ใช่สิบเอ็ด
ครูบาอาจารย์โรงเรียนใน จ.ร้อยเอ็ด ควรทบทวนที่เคยบอกนักเรียนว่าร้อยเอ็ด หมายถึง “เมืองสิบเอ็ดประตู” เพราะไม่จริงอย่างนั้น จึงไม่ควรดันทุรัง
เมืองร้อยเอ็ด มีคำอธิบายสมัยก่อนจากบางคนว่าชื่อเมืองร้อยเอ็ด เขียนในเอกสารโบราณเป็นตัวเลขว่า 101 สมัยโบราณอ่าน 10+1=11 (สิบเอ็ด) ดังนั้น เอกสารโบราณเขียนว่าเมือง 101 ประตู หมายถึง เมืองมี 11 ประตู ซึ่งยังมีข้อคลาดเคลื่อน ดังนี้
ข้อแรก ไม่เคยพบหลักฐานประวัติศาสตร์ว่าสมัยโบราณเขียน 101 หมายถึง 10+1=11 (สิบเอ็ด)
ข้อหลัง เอกสารโบราณในหอสมุดแห่งชาติเขียนชื่อเมืองร้อยเอ็ด เป็นตัวอักษรว่า “เมืองร้อยเอ็ด” ไม่เคยพบว่าเขียน “101” กรมศิลปากรตรวจสอบเอกสารโบราณทั้งหมดที่เก็บไว้ในหอสมุดแห่งชาติและเคยแสดงหลักฐานต่อสาธารณะนานแล้วหลายครั้ง