“ก้าวไกล” ขอบคุณประชาชน ร่วมกดดันรัฐบาลจนเลิกอุ้มการบินไทย

วันที่ 20 พฤษภาคม 2563 ดร.สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล โพสขอขอบคุณ หลังมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เลิกอุ้มการบินไทย โดยกล่าวว่าขอบคุณประชาชนที่ร่วมด้วยช่วยกันผลักดันให้ “เลิกอุ้ม” การบินไทย จนรัฐบาลต้อง “กลับลำ” ยอมยกเลิกแผนฟื้นฟูแบบลอย ๆ ซึ่งเหมือนการเทเงินทิ้งโดยประชาชนแทบไม่ได้ประโยชน์อะไร ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ (ค้ำประกันเงินกู้ 5.4 หมื่นล้านบาท ตามด้วยการเพิ่มทุนอีก 8.3 หมื่นล้านบาท)

กรณีการบินไทย นับเป็นตัวอย่างสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า “เมื่อปวงประชาร่วมกันส่งเสียงจะมีพลังมากพอ” ในการกำหนดทิศทางให้รัฐบาลตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้องได้

จากท่าทีที่รัฐบาลแสดงออกหลายอย่างก่อนหน้านี้ไม่ว่าการเตรียมที่จะซื้อเครื่องบินฝูงใหม่เมื่อปีก่อน หรือความพยายามที่จะใช้เงินภาษีไปอุ้มการบินไทยต่อไปทั้ง ๆ ที่ขาดทุนแบบมองไม่เห็นอนาคต รัฐบาลคงเห็นแล้วว่า การพยายามทำในสิ่งที่ฝืนกับความรู้สึกของประชาชนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ตลอดไป โดยเฉพาะในยุคประชาธิปไตยที่ประชาชนมีเสรีภาพในการเรียกร้อง

ทั้งนี้พรรคก้าวไกลขอชื่นชมประชาชนทุกคนที่ช่วยกันออกมาส่งเสียงและขอเป็นกำลังใจให้พนักงานการบินไทยทุกคน ขอบคุณสำหรับความทุ่มเทที่ผ่านมารวมถึงอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่นำพาชื่อเสียงมาให้ประเทศของเรา เราเชื่อว่าการบินไทยจะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้และจะประสบความสำเร็จสำหรับอนาคตที่กำลังเริ่มต้นขึ้นนับจากนี้

สัญญาณแห่งอนาคตใหม่ อนาคตที่ดีกว่าเดิมได้ปรากฏแล้วทันทีหลังจากข่าว “เลิกอุ้ม” การบินไทยออกไป หุ้นไม่ได้ตกนะครับแต่ขึ้นถึง 14.63% เพราะตลาดจับสัญญาณได้ว่าการบินไทยจะไม่เป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป แต่จะผันตัวมาเป็นเอกชนมากขึ้น อันจะนำมาซึ่งประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ

พรรคก้าวไกลสนับสนุนแนวทางนี้และได้ให้คำแนะนำไว้ตั้งแต่ก่อนการประชุม คนร. (18 พ.ค.) และ ครม. (19 พ.ค.) เพื่อดักทางเอาไว้แล้วว่า

(1) ให้มืออาชีพจริง ๆ เข้ามาผ่าตัด ไม่เอาพวกที่เป็นเครือข่ายการสืบทอดอำนาจเข้ามาอย่างเด็ดขาด

(2) ไม่ถ่วงเวลาโดยบอกว่าต้องทำโน่นนี่นั่นก่อน แล้วสุดท้ายเอาเงินภาษีไปอุ้มอยู่ดี เพราะตอนนี้สภาพคล่องของการบินไทยได้หมดลงแล้ว

(3) ต้องไม่มีไอ้โม่งมารอฮุบกิจการ แต่ต้องเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาร่วมวงได้อย่างเสรีและเป็นธรรม

(4) ในการฟื้นฟูกิจการ จะมีทางออกได้ 3 ทางในแง่ของความเป็นเจ้าของการบินไทย อันจะส่งผลต่อการบริหารจัดการในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ (ก) เป็นเอกชนมากขึ้น (ข) คล้ายเดิม และ (ค) เป็นรัฐมากขึ้น พรรคก้าวไกลอยากให้รัฐบาลคิดอย่างรอบคอบ โดยเราเห็นว่ารัฐควรมีความเป็นเจ้าของเพียง 0-25% เพื่อปราศจากการครอบงำหรือแทรกแซงโดยนักการเมืองหรือทหารการเมือง เราอยากเห็นการบินไทยมีมืออาชีพเข้ามาทำงานแทนเครือข่ายของผู้มีอำนาจ กองทัพ และข้าราชการ จึงจะหลุดพ้นจากวงจรขาดทุน โดยไม่ต้องนำเงินภาษีไปอุ้มอีกต่อไป

พรรคก้าวไกล จะดูแลการใช้เงินภาษีของพี่น้องประชาชนต่อไปและขอให้ทุกคนช่วยกันในการตรวจสอบการใช้เงินภาษีของพวกเราให้เป็นไปอย่าง “คุ้มค่าและโปร่งใส” ดังเช่นที่พวกเราได้ร่วมกันทำสำเร็จแล้วในกรณีของการบินไทย