‘ภาคประชาชน’ ชี้ไทยติดลบ ฟังข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี เรียกร้อง 5 ข้อยุคโควิด

‘ภาคประชาชน’ ชี้ไทยติดลบ ฟังข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี เรียกร้อง 5 ข้อยุคโควิด

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ที่มูลนิธิ 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ มีการจัดแถลงข้อเสนอภาคประชาชนต่อรัฐบาลในสถานการณ์วิดฤตโควิดระบาดเนื่องในโอกาสครบรอบ 28 ปี พฤษภาประชาธรรม โดยในตอนหนึ่ง นางสมศรี หาญอนันทสุข กรรมการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า เราอยู่ในสภาวการณ์ที่ติดลบ ได้ฟังข่าวลบมากกว่าข่าวดี รู้สึกเสียดายที่ข่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาซึ่งเรามีการกักตัว ตนก็กักตัวเช่นกัน โดยมีการติดตามข่าวของภาคประชาสังคม แต่ละองค์กรก็มีปัญหาต่างๆ หมักหมมทับถมกันมา ตอนนี้เนื่องจากไม่สามารถจัดสัมมนาและอภิปรายได้ สื่อมวลชนอาจมองไม่เห็น ว่ามีอะไรเกิดขึ้น

“อยากเรียกร้องรัฐบาลว่าในขณะที่เราต่อสู้กับโควิด เรื่องบางเรื่องเราทำไปด้วยได้ บางเรื่องที่ไม่ควรทำก็อย่าไปทำ ต้องมีข่าวดีๆให้ประชาชน มีความหวังให้บ้าง”

สำหรับข้อเรียกร้องจากภาคประชาชน ซึ่งนายเมธา มาสขาว เลขาเลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) เป็นตัวแทนกล่าว สรุป 5 ข้อ ได้แก่

1. การกระจายอำนาจโดยเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด การกระจายอำนาจตำรวจ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม การรวบอำนาจไว้ที่ส่วนกลางไม่สามารถแก้วิกฤตต่างๆได้ ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ
2. เรียกร้องให้จ่ายเงินประกันสังคมอย่างเร่งด่วน มีข้อสงสัยว่ากองทุนประกันสังคม ยังอยู่ครบหรือไม่ เงินที่รัฐบาลค้างจ่ายเงินสมทบ มีราว 9 หมื่นล้านบาททำไมไม่รีบจ่าย ล่าช้าเพราะอะไร
3. เรียกร้องให้รัฐบาลควบคุมสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าพื้นฐานที่ส่วนหนึ่งถูกผูกขาดโดยกลุ่มทุนเอกชน รัฐต้องเข้าไปดูแลให้เป็นธรรมโดยเฉพาะอาหารและยา อย่าให้มีการกักตุน ให้ความสำคัญกับภาคเกษตรกรรมซึ่งมีความจำเป็นมาก เห็นได้ชัดจากวิกฤตในครั้งนี้จึงต้องปฏิรูปให้ภาคเกษตรกรรมอยู่ได้และเป็นหลังพิงของสังคมไทย
4. รัฐต้องดูแลสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน บริการสาธารณะ ไฟฟ้า ประปา พลังงาน น้ำมัน ซี่งสามารถลดราคาให้ถูกลงได้
5. เรียกร้องให้ภาครัฐยกเลิกโครงการขนาดใหญ่ที่เอื้อนายทุนซึ่งประชาชนไม่มีส่วนร่วม

นางสมศรี หาญอนันทสุข