การศึกษา / 5 แม่พิมพ์ล่วงละเมิดนักเรียน ถึงเวลา…ยกเครื่องจรรยาบรรณครู!?!

การศึกษา

 

5 แม่พิมพ์ล่วงละเมิดนักเรียน

ถึงเวลา…ยกเครื่องจรรยาบรรณครู!?!

 

ทุกปีสังคมไทยจะเห็นข่าว “ครู” ล่วงละเมิด กระทำอนาจารกับนักเรียนไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือชาย

ล่าสุด ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.มุกดาหาร เกิดเหตุครู 5 คน และศิษย์เก่ารุ่นพี่ 2 คน ข่มขืนนักเรียนหญิงชั้น ม.2 อายุ 14 ปี และนักเรียนหญิงชั้น ม.4 อายุ 16 ปีซึ่งเป็นศิษย์ในโรงเรียนดังกล่าวมานานนับปี และทำการข่มขืนนักเรียนเฉลี่ยเดือนละ 2 ครั้ง!!

พร้อมกับถ่ายคลิปเก็บไว้เพื่อข่มขู่นักเรียน ทั้งขู่ว่าจะไม่ให้เลื่อนชั้นหากนำเรื่องนี้ไปบอกใคร

กระทั่งนักเรียนหญิงชั้น ม.2 ทนไม่ไหว เล่าความจริงให้ยายฟัง ยายจึงพาหลานไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ผึ่งแดด จ.มุกดาหาร

โดยผู้ต้องหาที่เป็นครู 5 คน และศิษย์เก่ารุ่นพี่อีก 2 คน มีดังนี้ นายยุทธนา ภู่ถนนนอก อายุ 37 ปี ครูคอมพิวเตอร์ นายเอกลักษณ์ เกื้อหนองขุ่น อายุ 35 ปี ครูสังคมศึกษา นายวิพจน์ แสนสุข อายุ 35 ปี ครูคณิตศาสตร์ นายอานุภาพ บรรจง อายุ 33 ปี ครูวิทยาศาสตร์ ว่าที่ ร.ต.สิทธินันท์ ณ หนองคาย อายุ 25 ปี ครูสังคมศึกษา นายชนะศักดิ์ สาธุชาติ อายุ 21 ปี และนายพีรพงษ์ พรหมมา อายุ 21 ปี ชาวบ้านบ้านดงมอน

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับทั้ง 7 คนในความผิดฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม อันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิง และเป็นการกระทำแก่ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล, ข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองเพื่อการอนาจาร มาดำเนินคดี และส่งตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดมุกดาหารแล้ว

แต่ผู้ต้องหาทั้ง 7 เข้ามอบตัว และปฏิเสธในชั้นสอบสวน พร้อมกับขอศาลประกันตัว ซื่งศาลอนุญาตให้ประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์ในราคา 300,000 บาท!!!

 

งานนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ออกโรงเคลื่อนไหวลงดาบทันที เริ่มจากนายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ระบุว่า ขณะนี้ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ต้นสังกัดได้สั่งให้ครูทั้ง 5 รายมาประจำที่เขตพื้นที่ฯ และทางศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว

“เรื่องนี้ถือว่าผิดจรรยาบรรณวิชาชีพครูร้ายแรง เป็นสิ่งที่ ศธ.รับไม่ได้ และจะไม่ปล่อยไว้อย่างเด็ดขาด ครูควรเป็นต้นแบบที่ดี นักเรียนเป็นลูกศิษย์ ก็ควรดูแลเหมือนลูกหลาน ถ้าใครคิดจะทำแบบนี้ ถือว่าไม่ใช่ครู ผมไม่ปล่อยไว้เด็ดขาด” นายอำนาจระบุ

ด้านนายเอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ระบุว่า กมว.รับทราบเรื่องแล้ว ถือเป็นความผิดจรรยาบรรณร้ายแรง ซึ่งในการประชุม กมว.วันที่ 22 พฤษภาคมนี้ จะเสนอเรื่องเพื่อขอพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูทั้ง 5 ราย พร้อมกับตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงควบคู่กับ สพท.ต้นสังกัด หากตรวจสอบพบว่ามีมูลจริงตามที่ถูกกล่าวหา กมว.จะดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตฯ ต่อไป

ด้านนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ออกมาประกาศว่า จะต่อสู้กับเรื่องนี้อย่างสุดความสามารถ เพื่อนำความปลอดภัยกลับมาสู่โรงเรียนอีกครั้ง แม้ในอดีตคดีต่างๆ ที่เกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศของครูที่ผ่านมาอาจจะถูกทำให้หายไป ไม่ว่าจะด้วยจากการใช้อิทธิพล การยอมความ การไม่เห็นทางต่อสู้ของผู้ปกครอง ไม่ว่าในอดีตจะเป็นอย่างไร แต่ผมได้ตั้งศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศ (ศคพ.) ขึ้นมา ทางศูนย์เรามีสิทธิในการฟ้องร้องและดำเนินคดีต่อผู้ต้องสงสัยแทนผู้ปกครองและเด็กทุกๆ คน

“ผมขอให้ความมั่นใจว่าเราจะทวงความถูกต้องผ่านกระบวนการยุติธรรมกลับมาให้แน่นอน และคนที่ทำผิดเรื่องคดีล่วงละเมิดทางเพศ จะไม่ได้กลับเข้ามาในวงจรการศึกษาอย่างแน่นอน” นายณัฏฐพลระบุ

 

ด้านนายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า เดิมจะเห็นข่าวที่ครูชายเพียง 1 คน ล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนหญิง แต่ข่าวที่ออกมาครั้งนี้ถือว่าปัญหาก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น เมื่อมีครู 5 คนร่วมกระทำผิด สังคมจึงเกิดคำถามว่า คนเหล่านี้หลุดเข้ามาในระบบการศึกษาได้อย่างไร

หน่วยงานที่กำกับดูแลจรรยาบรรณวิชาชีพครู ที่มีกฎระเบียบกำกับอยู่ ได้กลายเป็นเพียงตัวอักษร แต่ไม่มีผลกับจิตวิญญาณและวิธีการปฏิบัติงานครูเลยหรือ? ถึงเวลาแล้วหรือยังที่องค์กรเหล่านี้ต้องยกเครื่องมาตรฐานวิชาชีพครูครั้งใหญ่!!!

“ปัจจุบันสังคมเริ่มคิดว่า โรงเรียน บ้านพักครู ห้องเรียน กลายเป็นพื้นที่สุญญากาศ เป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ครูผู้ชายกลายเป็นผู้มีอำนาจ หลอกล่อ บังคับ ขู่เข็ญให้นักเรียนอยู่กับตนสองต่อสองได้ เพราะเด็กไม่สามารถต่อสู้และปกป้องตนเองได้ ศธ.ควรนำเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาแก้ไข” นายสมพงษ์กล่าว

นายสมพงษ์ระบุเพิ่มเติมว่า และที่แปลกใจกว่านั้น ที่มีครูผู้หญิงคนหนึ่งโพสต์ข้อความให้กำลังใจครูผู้กระทำผิด สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมองค์กรว่ากลุ่มคนเดียวกัน เห็นอกเห็นใจผู้ที่กระทำผิด และบอกว่าบุคคลเหล่านี้เป็นคนดี ทำงานเก่ง แต่กลับไม่เห็นอกเห็นใจนักเรียนที่เป็นเหยื่อเลย ซึ่งตนแปลกใจมากว่าคนในวงการศึกษาคิดแบบนี้ได้อย่างไร

อีกทั้งเวลาที่เกิดปัญหา ทุกคนเร่งปกปิด และพยายามจบปัญหาอย่างรวดเร็ว โดยเจรจาไกล่เกลี่ยจ่ายเงินเยียวยา เพราะกลัวว่าจะเสียชื่อเสียงของโรงเรียน

และท้ายสุดคนเหล่านี้ก็กลับเข้าสู่วงการศึกษา กลับไปเป็นครูต่อไปอีก

 

ข่าวการล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนนั้นมีมาให้เห็นเป็นระยะ แต่ท้ายสุดเรื่องเหล่านี้กลายเป็นความเงียบ เป็นปัญหาที่เมื่อเกิดขึ้น สถานศึกษาจะต้องรีบแก้ไขปัญหาโดยการซุกไว้ใต้พรม ไกล่เกลี่ย และทำให้เรื่องเงียบเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

นักเรียนที่เป็นเหยื่อกลับไม่ได้รับความยุติธรรมและต้องอยู่กับความทรงจำเหล่านี้ไปตลอดชีวิต คำถามคือจะเยียวยา “เหยื่อ” ที่เป็นเด็กเหล่านี้อย่างไร เพื่อให้เขากลับเข้ามาอยู่ในสังคมต่อไปได้

และท้ายสุดโรงเรียนได้กลายเป็นสถานที่อันตราย ที่ผู้ปกครองไม่ไว้วางใจจะส่งบุตรหลานเข้าไป เพราะหวั่นว่าลูกของตนจะพบเจอเหตุการณ์ตามข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้

ถึงเวลาหรือยังที่ ศธ.ภายใต้การนำของนายณัฏฐพล ที่ออกมาประกาศกร้าวชัดเจนว่าจะไม่ปล่อยให้คนกระทำผิดอยู่ในวงการศึกษาต่อไป จะยกเครื่องจรรยาบรรณมาตรฐานวิชาชีพครูครั้งใหญ่ เพื่อให้ได้คนดี คนเก่ง และมีจริยธรรม คุณธรรม เข้ามาเป็นครู

          รวมทั้งยกเครื่องเรื่อง “บทลงโทษ” ที่ต้องรวดเร็วและทันที โดยตัดบุคคลเหล่านี้ออกจากระบบการศึกษาอย่างแท้จริง เพื่อให้โรงเรียนกลับมาเป็นสถานที่ปลอดภัยอีกครั้ง