กรองกระแส / สถานการณ์ไวรัส กับ สถานการณ์ฉุกเฉิน และ เราไม่ทิ้งกัน

กรองกระแส

 

สถานการณ์ไวรัส

กับ สถานการณ์ฉุกเฉิน

และ เราไม่ทิ้งกัน

 

ปฏิกิริยาความไม่พอใจจากชาวบ้านที่ผิดหวัง ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท จากโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” อาจไม่มากนัก เมื่อเทียบกับจำนวนที่สมหวัง ได้เงิน

กระนั้น ก็เป็น “ปฏิกิริยา” ซึ่งสร้างความสะเทือนใจ

ไม่ว่าจะเป็นการรวมตัวกัน ณ กระทรวงการคลัง ไม่ว่าจะเป็นการสะท้อนผ่านสื่อกระแสหลัก ไม่ว่าโทรทัศน์ ไม่ว่าหนังสือพิมพ์

เริ่มจากจุดเล็กๆ และกลายเป็นกระแสคลื่นอันทรงพลัง

เพราะว่าโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” เริ่มต้นจากความต้องการช่วยเหลือ เยียวยา ด้วยการแจกเงินให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือนและอาจขยายเป็น 6 เดือน

แต่กลับกลายเป็นการแจกเงินแล้วสร้างปัญหา สร้างความไม่พอใจซึ่งจะขยายเป็นวงกว้าง

 

ต้นตอจากไวรัส

สถานการณ์ฉุกเฉิน

 

ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าปัญหาทั้งหมดเริ่มต้นมาจากการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง รวดเร็ว รุนแรงราวกับสึนามิของไวรัสจากมหานครอู่ฮั่น ประเทศจีน

มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการเข้มข้นในการบริหารจัดการ

เห็นได้จากประชาชนมีความยินยอมพร้อมใจพลันที่รัฐบาลประกาศและบังคับใช้ พ.ร.บ.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นตอนปลายเดือนมีนาคม

แต่จุดอันละเอียดอ่อนยิ่งคือ จุดที่การห้ามกิจการหลายกิจการอันส่งผลต่อการประกอบอาชีพ

ไม่เพียงแต่สั่งปิดห้าง สั่งปิดร้านอาหาร สั่งปิดอาชีพบริการตั้งแต่เสริมสวย ตัดผม ไปจนถึงสถานประกอบการบันเทิง สนามมวย สนามม้า สนามกีฬา เป็นต้น

ผลก็คือ คนตกงาน ผลก็คือ เกิดคลื่นการอพยพขนาดใหญ่

 

โครงการเยียวยา

ผ่าน “เราไม่ทิ้งกัน”

 

การเสนอโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” ผ่านกระทรวงการคลัง ประกาศให้เงินช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนคนละ 5,000 บาทต่อเดือนสร้างความหวังให้กับประชาชนอย่างคึกคัก

เห็นได้จากการแสดงความจำนงทั้งที่ธนาคารและผ่านออนไลน์

แต่แล้วภายในการเคลื่อนไหวนี้ก็สะท้อนให้เห็นความไม่พร้อม การไม่ได้วางแผนกับโครงการอย่างรอบคอบรัดกุมอย่างเพียงพอ

เริ่มจากเป้าหมายที่กำหนดเพียง 3 ล้านในเบื้องต้น

ตามมาด้วยความไม่พร้อมของธนาคาร ความไม่เหมาะสมของการไปแสดงตนทำให้ต้องระงับ ตามมาด้วยความไม่พร้อมของระบบไอทีนำไปสู่การล่มของคอมพิวเตอร์

และเมื่อจำนวนทะยานจาก 3 ล้านเป็น 20 กว่าล้านก็เริ่มปรากฏปัญหา

ปัญหาเบื้องต้นที่สุดก็คือ กฎเกณฑ์อันหละหลวมและไม่สามารถประสานข้อมูลได้อย่างเที่ยงตรงถูกต้องทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยต้องตกสำรวจ

แม้กระทรวงการคลังจะอ้างเป็นความผิดของ AI แต่แท้จริงแล้วก็ไม่เป็นเช่นนั้น

 

โครงการ เราไม่ทิ้งกัน

กับ รัฐราชการรวมศูนย์

 

จากเดือนมีนาคมทะลุเดือนเมษายน โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” กลับกลายเป็นโครงการประจานความหละหลวมบกพร่องของรัฐบาล

แม้จะเริ่มต้นจากความปรารถนาดีต้องการช่วยเหลือประชาชน

เป็นความไม่พร้อมในเรื่องการตระเตรียมและวางแผนรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสอย่างรอบคอบและรัดกุมอย่างเพียงพอ

ไม่ตระหนักในผลสะเทือนของมาตรการ “เข้ม” อย่างเพียงพอ

มีความรวดเร็ว ฉับไว จริงจัง หากเป็นการช่วยเหลือภาคการเงิน การธนาคารและบริษัทขนาดใหญ่ แต่มากด้วยปัญหาเมื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้

ประจานให้เห็นความไม่พร้อมในระบบข้อมูล ในระบบไอที บนยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0

ประจานให้เห็นถึงความล้าหลัง ไร้ประสิทธิภาพ ของโครงสร้างการบริหารผ่าน “รัฐราชการรวมศูนย์” ที่ทุกอย่างต้องเริ่มจากกรุงเทพมหานคร

ปัญหาของไวรัสในปริมณฑลสุขภาพ จึงขยายกลายเป็นปัญหาการเมือง

และผลสะเทือนจากกรณีไวรัสแพร่ระบาด จากการประกาศและบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินจะกลายเป็นปัญหาหลังจากนี้ที่หนักหน่วง รุนแรงเป็นลำดับ

            เป็นปัญหาที่สุมรุมเข้าใส่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา