ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 เมษายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ |
ผู้เขียน | ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์ |
เผยแพร่ |
ในช่วงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะของผู้คนในหลายประเทศทั่วโลก จนทำให้หน่วยงาน ห้างร้าน และสถาบันต่างๆ ต้องปิดตัวลงอย่างไม่มีกำหนด
ซึ่งรวมถึงสถาบันทางศิลปะอย่างพิพิธภัณฑ์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น
และในช่วงเวลาเช่นนี้นี่เอง ก็เกิดเหตุการณ์ผีซ้ำด้ำพลอยเข้าไปอีก
เมื่อมีมิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้าไปโจรกรรมงานศิลปะล้ำค่าของโลกจากพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่ง
ผลงานที่ถูกขโมยไปนั้นเป็นภาพวาดของ วินเซนต์ แวน โก๊ะห์* ศิลปินเอกชาวดัตช์ ที่มีชื่อว่า Spring Garden (1884) หรือในชื่อเต็มว่า The Parsonage Garden at Nuenen in Spring
ภาพวาดสีน้ำมันบนแผ่นไม้ที่แวน โก๊ะห์ วาดขึ้นในช่วงที่เขาอาศัยอยู่กับพ่อของเขาผู้เป็นบาทหลวงในเมืองเล็กๆ ที่มีชื่อว่านูนเอิน (Nuenen) ของเนเธอร์แลนด์ ในช่วงฤดูหนาวปี 1883-1885
ณ ที่แห่งนั้น แวน โก๊ะห์ วาดภาพลายเส้นและสีน้ำมันรูปทิวทัศน์, สวนของครอบครัว และท้องถนนในเมืองออกมาจำนวนหนึ่ง
ภาพวาด Spring Garden เป็นภาพวาดของหญิงสาวชุดดำที่ยืนอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์ในสวน โดยมีหอคอยของโบสถ์เก่าแก่รกร้างในหมู่บ้านตั้งอยู่เบื้องหลัง
โทนสีเขียวและแดงของต้นไม้ใบหญ้าในภาพ แสดงถึงช่วงเวลาที่ฤดูหนาวผ่านพ้นไปและฤดูใบไม้ผลิกำลังเริ่มต้น
เชื่อกันว่าภาพวาดภาพนี้เป็นภาพสีน้ำมันภาพแรกๆ ที่แวน โก๊ะห์ วาดขึ้นในเมืองแห่งนี้
เดิมทีภาพวาดนี้อยู่ในพิพิธภัณฑ์ซิงเงอร์ลังเงอร์ (Singer Langer Museum) ในกรุงอัมสเตอร์ดัม โดยถูกหยิบยืมมาจากพิพิธภัณฑ์โครนิงเงอร์ (Groninger Museum) ในเมืองโครนิงเงน เนเธอร์แลนด์ เพื่อมาจัดแสดงในนิทรรศการ Mirror of the Soul ก่อนที่จะถูกโจรงัดแงะเข้ามาในพิพิธภัณฑ์และขโมยภาพวาดภาพนี้ไปในช่วงเวลาตีสามของวันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม ในช่วงที่พิพิธภัณฑ์ต้องปิดทำการชั่วคราวด้วยผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19
ที่น่าขันขื่นก็คือ ภาพวาดภาพนี้ถูกขโมยไปก่อนวันครบรอบวันเกิด 167 ปี ของแวน โก๊ะห์ ไปเพียงวันเดียวเท่านั้นเอง แต่ก็ถือว่าเคราะห์ยังดีที่ภาพวาดชิ้นอื่นไม่ได้ถูกขโมยไปด้วย
ทางพิพิธภัณฑ์ไม่ได้เปิดเผยมูลค่าของผลงานชิ้นนี้ แต่เมื่อดูจากผลงานชิ้นอื่นๆ ในช่วงเวลาเดียวกันกับผลงานชิ้นนี้ ซึ่งมีราคาขายประมาณ 13.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็พอจะประมาณราคาได้
สิ่งที่น่าเศร้าอีกประการสำหรับพิพิธภัณฑ์โครนิงเงอร์ผู้เป็นเจ้าของผลงานชิ้นนี้ก็คือ ภาพวาดนี้เป็นผลงานภาพวาดสีน้ำมันของแวน โก๊ะห์ เพียงชิ้นเดียวที่พิพิธภัณฑ์มีอยู่
ก็ได้แต่หวังว่าทางพิพิธภัณฑ์และทางการเนเธอร์แลนด์จะสามารถตามจับตัวคนร้ายและนำภาพกลับคืนมาได้สำเร็จในเร็ววัน
วินเซนต์ วิลเลิม แวน โก๊ะห์ (Vincent Willem van Gogh) (หรืออ่านในภาษาดัตช์ว่า ฟาน โคะห์) เกิดที่หมู่บ้านเล็กๆ ในเมืองบราบังท์ ตำบลซันเดิร์ต เนเธอร์แลนด์ บิดาเป็นบาทหลวง สมัยเด็กเขามีบุคลิกขี้อาย อ่อนไหว เงอะงะ และเก็บตัว
เมื่ออายุได้ 16 ปี เขาเริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นลูกจ้างในแกลเลอรี่ค้างานศิลปะ
แต่ด้วยความที่เป็นคนซื่อ เถรตรง จึงเกิดความเบื่อหน่ายกับการที่แกลเลอรี่มักจะเอางานชั้นเลวมาหลอกขายให้ลูกค้าที่ไม่รู้จักงานศิลปะ
หลายต่อหลายครั้ง เขาถึงกับบอกให้ลูกค้าไม่ซื้อภาพวาดเหล่านั้น จนนายจ้างไม่พอใจและไล่เขาออกจากงานในที่สุด
หลังจากนั้นเขาจึงหันไปศึกษาทางศาสนาอย่างจริงจัง และย้ายไปอยู่ในเหมืองถ่านหินในเมืองกันดารเพื่อเทศนาสั่งสอนช่วยเหลือคนทุกข์ยากในเหมืองนั้นโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
(ในช่วงนี้เอง ที่เขาเริ่มสเกตช์และวาดภาพคนในเหมืองเอาไว้) โดยมีความตั้งใจใฝ่ฝันที่จะเป็นนักเทศน์ แต่ก็ประสบความล้มเหลว
ในภายหลังเขาย้ายไปพำนักที่ปารีสและบังเอิญได้ค้นพบศิลปะแนวอิมเพรสชั่นนิสต์ที่กำลังเฟื่องฟูในฝรั่งเศสยุคนั้น (French Impressionism)
ด้วยความรู้สมัยที่เป็นนักค้างานศิลปะ ประกอบกับทักษะในการวาดภาพที่เขาสั่งสมมาตอนอยู่ในเหมือง
เขาจึงเริ่มหันเหมาศึกษาและทำงานศิลปะด้วยตนเองอย่างจริงจัง
จากแรงบันดาลใจจากสีสันอันสดใสในภาพวาดแนวอิมเพรสชั่นนิสต์กับภาพพิมพ์ญี่ปุ่น บวกกับแสงแดดอันร้อนแรงในเมืองอาร์ลส์ (ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส) ที่เขาเพิ่งย้ายไปอยู่ ทำให้ผลงานของเขาเปลี่ยนจากสีสันที่มืดมัวหม่นหมองในช่วงก่อนหน้า กลายเป็นสว่างสดใส ร้อนแรง ฉูดฉาดบาดตา
ด้วยการทำงานที่ใช้การปะทะ ตอบโต้ เผชิญหน้า และซึมซับกับธรรมชาติและสภาพแวดล้อมอย่างตรงไปตรงมา และถ่ายทอดลงไปในผืนผ้าใบอย่างฉับพลันด้วยฝีแปรงที่ทรงพลัง ซึ่งต่อมาเขาพัฒนามันจนกลายเป็นสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นมา (และมันก็ได้กลายเป็นต้นธารของงานศิลปะในแนวเอ็กซ์เพรสชั่นนิสต์ (Expressionism) ในภายหลัง)
แวน โก๊ะห์ ใช้เวลาแค่เพียงสิบกว่าปีสร้างสรรค์ผลงานศิลปะราว 2,100 ชิ้น
โดยเป็นภาพวาดสีน้ำมันกว่า 860 ภาพ ที่ส่วนใหญ่ทำขึ้นในช่วงเวลาสองปีสุดท้ายของชีวิตเขา
ไม่ว่าจะเป็นภาพทิวทัศน์, หุ่นนิ่ง, ภาพวาดบุคคล ที่วาดด้วยสีสันสดใส ฝีแปรงที่เปี่ยมอารมณ์ความรู้สึกอย่างรุนแรง ที่กลายเป็นรากฐานของงานศิลปะสมัยใหม่ในเวลาต่อมา
น่าเสียดายที่ผลงานของแวน โก๊ะห์ คงจะเป็นอะไรที่ใหม่เกินไป และมาก่อนกาล ชีวิตการทำงานศิลปะของเขาจึงประสบความล้มเหลวและลำบากยากแค้นเป็นอย่างยิ่ง
ผนวกกับความรู้สึกหดหู่และความรู้สึกผิดที่ต้องพึ่งพาแต่น้องชาย ธีโอ ที่คอยส่งเงินมาให้เขากินอยู่, ซื้อสีและอุปกรณ์วาดภาพ
จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจทำการจบชีวิตด้วยการยิงตัวเองที่ท้องจนบาดเจ็บ และเสียชีวิตในอีกสองวันต่อมา ด้วยวัยเพียง 37 ปี (แต่บ้างก็สันนิษฐานกันว่าเกิดจากอุบัติเหตุในยามที่มีปากเสียงกับเด็กหนุ่มผู้คึกคะนองมากกว่า)
น่าขันที่ภายหลังจากที่เขาเสียชีวิต ภาพวาดและผลงานศิลปะของเขากลับกลายเป็นที่นิยมขึ้นมาอย่างมาก (ทั้งๆ ที่ตอนมีชีวิตเขาขายภาพวาดได้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น) ในปัจจุบันผลงานที่ไม่เคยมีใครแยแสตอนที่เขายังมีชีวิต กลับกลายเป็นของล้ำค่า ราคาพุ่งพรวด จนกลายเป็นภาพวาดที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ที่มีราคาสูงกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐในทุกวันนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ผลงานและเรื่องราวการอุทิศชีวิตเพื่อสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของเขายังกลายเป็นแรงบันดาลใจและเชื้อไฟแห่งการสร้างสรรค์ให้กับศิลปินและผู้คนรุ่นหลังรุ่นแล้วรุ่นเล่าจวบจนทุกวันนี้
ในภายหลังเขาได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่” ในที่สุด
ภาพและข้อมูลจาก https://bit.ly/2Rf7b9d, https://bit.ly/2ynHSLs, https://bit.ly/2X8loZl
*วินเซนต์ แวน โก๊ะห์ (Vincent van Gogh) จิตรกรชาวดัตช์ แห่งยุคหลังอิมเพรสชั่นนิสต์ (Post-Impressionist) ผู้ยิ่งใหญ่ โด่งดัง และทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของวงการศิลปะสมัยใหม่ในโลกตะวันตก