วิเคราะห์ : ผลพวงลูกโซ่จากโควิด-19 ต่อชีวิตยุคโมเดิร์น

ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าไวรัสโควิด-19 สิ่งกึ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ไม่กินไม่ขี้ ไม่ปี้ไม่นอน แต่ขยายพันธุ์ได้จากร่างกายสิ่งมีชีวิตอื่น ตัวนี้จะมีฤทธิ์เดชมากมายอย่างคาดไม่ถึงเช่นนี้

ช่วงเวลาสั้นๆ ตั้งแต่ตรุษจีนปลายเดือนมกราคม 2563 จากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ถึงขณะนี้สิ้นเดือนมีนาคม ไวรัสโควิดแพร่กระจายครอบคลุมเมืองใหญ่ๆ ของโลกไปเกือบหมดแล้ว

วีรบุรุษแม่ทัพผู้เก่งกาจของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นเจงกิสข่าน อเล็กซานเดอร์ นโปเลียน ดูกระจ้อยร่อยไปทันทีเมื่อเทียบพื้นที่การยึดของเจ้าโควิด

ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ผู้คนพลเมืองและรัฐบาลชาติ รัฐบาลท้องถิ่น ทุกชาติทุกภาษากำลังดิ้นรนเอาตัวเองให้รอดจากการเจ็บป่วย การเสียชีวิต แบบทุลักทุเล โกลาหล

เมืองกลุ่มแรกที่เกิดการระบาดในประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ขณะนี้เริ่มควบคุมสถานการณ์ได้

แต่เมืองอื่นๆ ของโลก โดยเฉพาะโลกตะวันตกยุโรป สหรัฐอเมริกา การระบาดการลุกลามรุนแรงกว่า

ระหว่างการระบาดในที่ต่างๆ คนที่ได้รับเชื้อต้องหยุดกักตัวเองอยู่กับบ้าน บางเมืองต้องปิดเมือง สำนักงานบางแห่งก็ต้องหยุด โรงงานจำนวนมากก็ต้องหยุด การคมนาคมขนส่งมวลชนทางบก ทางน้ำ ทางอากาศจำนวนมากต้องหยุด ผู้คนและธุรกิจต้องหยุดการเดินทางทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ

ซัพพลายเชนระบบการผลิตระหว่างประเทศ ภายในประเทศสะดุด ที่หนักหนาสาหัสคือธุรกิจเจ๊งปิดกิจการ ทำให้คนถูกลดค่าจ้าง การตกงานจำนวนมหาศาลที่ไวรัสโควิด-19 ผ่านไป

ส่งผลให้กำลังซื้อลดลงเป็นลูกโซ่

 

ภัยพิบัติระลอกแรก เป็นการเจ็บไข้ เสียชีวิตจากการระบาด ซึ่งได้เกิดขึ้นแล้วในเวลานี้

ภัยพิบัติระลอกที่สอง เริ่มก่อตัว ยังไม่ก่อรูปเห็นชัดเจน เป็นภัยวิกฤตเศรษฐกิจโลก ซึ่งโควิด-19 จะเป็นตัวเร่งให้ปัญหาเดิม และสร้างปัญหาใหม่ เชื่อว่า ย่อมเป็นวิกฤตขนาดใหญ่อย่างแน่นอน

และคงไม่ใช่แค่ภัยพิบัติการเจ็บป่วยล้มตาย หรือภัยพิบัติทางเศรษฐกิจเท่านั้น ที่ไวรัสโควิด-19 จะมอบให้โลก

เชื่อว่า ทัศนคติ ค่านิยม และพฤติกรรมของผู้คนก็จะมีเปลี่ยนแปลงไปในรอบนี้

โฟกัสที่อสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่อยู่อาศัย สำนักงาน ห้างสรรพสินค้าและมักซ์ยูสที่รวมทุกสิ่งอย่าง

เดิมมีความคิดและประสบการณ์กันว่า ที่อยู่อาศัยที่เป็นบ้านแนวราบ เมื่อเปลี่ยนมาเป็นอาคารสูงคอนโดมิเนียม มันสามารถตอบโจทย์ปัญหาความปลอดภัยอาชญากรรมด้วยมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี ตอบโจทย์การเดินทางเพราะอยู่ในเมืองหรือติดสถานีรถไฟฟ้า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เพราะที่ใช้ชีวิตอยู่รอบๆ ใกล้ๆ ที่อยู่อาศัย

แต่เมื่อเกิดภัยโควิดระบาด ก็พบว่า เรารู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อต้องกดลิฟต์เข้า-ออกร่วมกับคนจำนวนมาก ใครบ้างก็ไม่รู้ เรารู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อต้องอยู่ในลิฟต์ร่วมกับคนหลากหลาย และเรารู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อต้องใช้สถานที่ร่วมกับคนแปลกหน้าหลากหลายทุกแห่ง

ไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่อุบัติใหม่แบบนี้ แม้มีมาก่อนบ้างแล้ว แต่ก็ไม่เคยระบาดมากกว้างขวางและทุกซอกมุมชีวิตมากขนาดนี้ จนเกิดเป็นความรู้สึกร่วมของผู้คนในสังคม

หลังจากการระบาดสงบลง ความรู้สึกนี้จะหายหรือหลงลืมไปกับเวลาไหม เดาได้ว่า อาจมีลืมๆ กันไปบ้าง แต่เหตุการณ์ใหญ่ๆ ที่มีคนเจ็บเป็นแสน คนตายนับพัน มักจะอยู่ในความทรงจำของสังคมเป็นเวลานาน จนอาจกลายเป็นทัศนคติหรือพฤติกรรมได้

และโรคอุบัติใหม่ คงไม่ได้มีแค่โควิด-19 นี้เท่านั้น ในอนาคตคงมีชื่ออื่นๆ ตามมาทศวรรษละชื่อสองชื่อ

จักรวาลคงไม่อนุญาตให้โลกใบนี้เป็นที่ละเล่นของโฮโมซาเปี้ยนโดยไร้เงื่อนไขหรอก ว่าไหม