‘อัยการสูงสุด’ ตั้งศูนย์โควิดให้ ‘รอง อสส.’ นั่ง ปธ.บริหารสถานการณ์ระบาด พร้อมให้ ‘ทำงานที่บ้าน’

‘อัยการสูงสุด’ ตั้งศูนย์โควิดให้รอง อสส.นั่ง ปธ.บริหารสถานการณ์ระบาดไวรัส พร้อมกำหนดมาตรการ ‘ทำงานที่บ้าน’

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญา 3 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ได้ออกหนังสือคำสั่งถึงรองอัยการสูงสุด ผู้ตรวจการอัยการ อธิบดีอัยการ อธิบดีอัยการภาค อัยการพิเศษฝ่าย และอัยการจังหวัดทั่วประเทศ เกี่ยวกับมาตรการปฏิบัติงานตามแผนการเหลื่อมเวลาการทำงานและแผนการปฏิบัติงานจากบ้าน สืบเนื่องมาจากกรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีข้อความสรุปว่า

1.การทำงานเหลื่อมเวลา สำนักงานอัยการสูงสุดได้จัดทำแผนการเหลื่อมเวลาการทำงานและแผนการปฏิบัติงานจากบ้าน ให้อธิบดีอัยการเป็นผู้พิจารณาอนุญาตและกำหนดมาตรการในการตรวจติดตามผลการทำงานให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามแผนดังกล่าว และรายงานผลการดำเนินการตามแบบรายงานที่กำหนดทางอีเมล์ หรือโทรสาร ไปยังสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายนโยบายและยุทธศาสตร์ภายในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อรายงานผลการปฏิบัติต่อศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกสัปดาห์

2.การประชุมสัมมนาให้พิจารณาเลื่อนตามความจำเป็นและความเร่งด่วนแล้วนำเสนอเพื่อสั่งการในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ให้ใช้วิธีการประชุมทางระบบอินเตอร์เน็ต หรือประชุมทางไกลแทน

3.ให้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีคราวประชุมเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 และประกาศกรุงเทพมหานครประกาศมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลและหน่วยงานราชการอื่นที่เกี่ยวข้องและหนังสือเวียนสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับมาตรการป้องกันวิกฤตการณ์จากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเคร่งครัด ทั้งนี้ โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของทางราชการและประชาชนเป็นสำคัญจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

นายประยุทธกล่าวว่า นอกจากนี้ นายวงศ์สกุลยังได้ลงนามคำสั่งให้ตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 หรือศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบ.สค.อส.) ขึ้นในสำนักงานอัยการสูงสุด โดยมอบหมายให้นายสาวิตร บุญประสิทธิ์ รองอัยการสูงสุด เป็นประธาน มีนายเสวตร อภัยรัตน์ อัยการพิเศษฝ่ายนโยบายและยุทธศาสตร์ เป็นเลขานุการศูนย์ ศบ.สค.อส. โดยศูนย์ดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล ประกาศของกรุงเทพมหานคร ประสานงานกับอัยการจังหวัดทั่วประเทศเพื่อรวบรวมข้อมูลการแพร่ระบาดและผลกระทบต่อบุคลากร รวมถึงการเฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาด และมีการประชาสัมพันธ์ภายในองค์กรให้ทันกับสถานการณ์ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขภาพอนามัยของบุคลากรของสำนักงานอัยการสูงสุดและประชาชนผู้มาติดต่อราชการเป็นสำคัญ