อุรุดา โควินท์ / ทางรอดอยู่ในครัว : เด็กมีเส้น

ต้นไผ่โตเป็นหนุ่มแล้ว ลูกชายของน้องสาว ผู้ซึ่งแม่ชอบย้ำว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฉัน ก็คือหลานป้านั่นละ

แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมแม่ต้องใช้คำที่ให้ความรู้สึกราวกับว่าเลือดของฉันอยู่ในตัวหลานชาย

เด็กหนุ่มคนนี้มีชีวิตของเขาเอง มีเลือดของเขาเอง มีวิธีคิดของเขาเอง ไม่มีอะไรเหมือนฉันสักนิด

แม่ชอบย้ำ หลานแกนะ หลานแกนะ อย่างกับกลัวฉันลืม กลัวฉันจะไม่รักหลานชายคนโปรดของแม่ แต่การย้ำไม่ช่วยอะไร

ฉันรักได้เท่าที่ฉันรัก และฉันก็ไม่ได้รักเพราะเขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข

ฉันรักเพราะเขาเป็นเด็กหนุ่มที่สุภาพ อ่อนน้อม แต่ยังเป็นตัวของตัวเอง

 

หลานชายเลือกเรียนมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพราะเขาสนใจการเกษตร และนั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้น้องสาวของฉันตัดสินใจย้ายไปอยู่เชียงใหม่

หลานกลับมาเยี่ยมยายบ่อย คนรักของหลานเป็นคนเชียงราย พ่อ-แม่ของเธอยังอยู่เชียงราย วันหยุดยาวหรือปิดเทอม เธอมักกลับมาอยู่กับครอบครัว หลานชายของฉันเลยถือโอกาสมาอยู่เป็นเพื่อนยาย

ยายมีความสุขเป็นพิเศษ สังเกตได้จากเสียงคุยที่ดังไม่หยุด ดังมาถึงบ้านของฉัน ซึ่งเมื่อก่อนเคยเป็นบ้านของน้องสาว

ห้องทำงานของฉันคือห้องนอนเดิมของต้นไผ่นั่นเอง

นั่นไง หลานเดินมาแล้ว

“โห บ้านเปลี่ยนไปเยอะเลยครับ” ต้นไผ่ว่า

เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาในบ้านหลังจากถูกฉันยึด คราวก่อนเราเจอกันที่บาร์ ดื่มด้วยกันหลายคืน เฮฮากันมาก

“ของไม่เยอะก็โล่ง ไม่ต้องกลัวของหายด้วย ไม่มีให้หาย” ฉันยิ้ม “มาอยู่เป็นเพื่อนยายเหรอ กินอะไรมาหรือยัง”

“กำลังจะออกไปครับ”

“ไม่ต้อง ไม่ต้อง” ฉันรีบพูด “เดี๋ยวป้าจัดการให้”

หลายปีก่อน ฉันขัดเขินใจเมื่อต้องใช้สรรพนามป้า นานวันเข้ามันก็ชิน

คงไม่ใช่ฉันคนเดียวหรอกที่ข้ามการเป็นแม่มาสู่ป้าน่ะ

 

ฉันเดินเข้าครัว โดยมีต้นไผ่เดินตาม จำได้ว่าหลานชอบอาหารเส้น คงไม่พ้นพาสต้า ยังไงก็มีติดบ้าน

เรามีเส้นฟิตูชินี มีแฮมนิดหน่อย และมีไส้กรอกสดที่ฉันทำเอง

ปิดตู้เย็น หันไปถามไผ่ “กินพาสต้ากับเพสโต้ซอสนะ”

“ไผ่ชอบเส้นครับ”

“เด็กเส้นอยู่แล้วเนียะ” ฉันแซว

พ่อของเขาเป็นนายทหาร ยศอะไรฉันไม่แน่ใจ คงไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ตามสายอาชีพของเขา ฉันรู้แต่ว่า ตอนเลือกตั้ง หลานไผ่ไม่ได้เลือกพรรคพลังประชารัฐ และพ่อของเขาก็เข้าใจ

“ไผ่กินเพสโต้ซอสได้นะ”

“ครับผม ให้ไผ่ช่วยอะไรมั้ยครับ”

ฉันมอบหมายให้ไผ่ล้างผัก เราจะกินสลัดแบบง่ายๆ คือราดน้ำมันมะกอก โรยเกลือ และพริกไทยดำ คลุกให้เข้ากัน

ฉันต้มเส้น ต้มแบบไม่สุกนัก เพราะเดี๋ยวเส้นจะเจอความร้อนในกระทะอีกครั้ง

ปอกกระเทียมจีนสักสิบกลีบ แล้วเอามาย่างบนกระทะให้สุก เก็บกระเทียมไว้ในถ้วย แล้วทอดพริกแห้ง ฉันผัดพาสต้าแบบตามใจตัวเอง คือใส่ทุกอย่างที่มีและอยากกิน ชอบเผ็ดก็ต้องโรยพริก ได้กัดพริกทอดทำให้ฉันเจริญอาหารขึ้นมาก

ใส่น้ำมันลงกระทะนิดหน่อย ฉันผัดมะเขือเทศราชินีก่อน เป็นวัตถุดิบที่ไม่ค่อยมีใครใส่ แต่มะเขือเทศสุกให้รสเปรี้ยวนุ่มนวล ช่วยตัดเลี่ยนได้ดี และทำให้พาสต้ามีสีสันขึ้น

ใส่หอมหัวใหญ่หั่นเต๋าลงไปด้วย ผัดให้สุก แล้วค่อยใส่แฮมกับไส้กรอกสดที่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ใส่เส้นกับเพสโต้ซอสลงไป คลุกให้เข้ากัน

“น้ำมันหอยหน่อยได้มั้ยครับ” ต้นไผ่ถาม

ฉันหัวเราะ “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ฉันเหยาะน้ำมันหอยตามคำขอ แต่ไม่ลืมเกลือกับพริกไทยดำ

ใส่กระเทียมย่าง คนให้เข้ากันอีกครั้งแล้วปิดเตา โรยใบโหระพากับพริกแห้ง

เท่านี้ก็เรียบร้อย

 

ไผ่ตักกินไปหนึ่งคำใหญ่ ก่อนถาม “หมูสับอร่อยมาก ป้าหมักกับอะไรครับ”

“มันคือไส้กรอกแบบสดนะ ใช้เมล็ดเทียนข้าวเปลือก เกลือ แล้วก็ไวน์ขาว หมักไว้หนึ่งคืน เอามาทำพาสต้า หรือจะปั้นก้อนย่างก็อร่อย กลิ่นแปลกๆ มาจากไวน์ และเมล็ดเทียนข้าวเปลือก”

ไผ่พยักหน้า

“อร่อยมั้ย กินได้มั้ย”

“ไผ่กินง่ายครับ อะไรก็กินได้ แต่อันนี้อร่อยมากเลย เดี๋ยวไผ่กลับเชียงใหม่ไปทำให้แม่กิน”

“ลองดู แม่อาจจะชอบ อาจจะนะ” ฉันอมยิ้ม

“ของแม่ต้องใส่น้ำตาลนิดครับ”

ฉันหัวเราะ ต้นไผ่รู้ใจแม่ น้องสาวฉันติดหวาน ไม่ว่าทำอาหารจานใด เธอต้องขอใส่น้ำตาลสักหน่อย สำหรับเธอ ถ้าได้ตัดรสหวานสักนิด หมายถึงอร่อย

แต่กับต้นไผ่ ขอแค่เป็นอาหารเส้น จะหวานหรือไม่ก็เกลี้ยงจาน ข้อนี้ฉันรู้ดี