‘จุรินทร์’ เผย เป็นผู้ใหญ่พอ ขอให้เกียรติคำสัมภาษณ์ ‘บิ๊กตู่’ ยัน ยังไม่ได้รับสัญญาณปรับครม.

‘จุรินทร์’ เผย เป็นผู้ใหญ่พอ ขอให้เกียรติคำสัมภาษณ์ ‘บิ๊กตู่’ ยัน ยังไม่ได้รับสัญญาณปรับครม.

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกและแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เรียกร้องให้เปิดประชุมพรรค เพื่อฟังข้อเสนอของส.ส. และสมาชิกพรรคว่าจะถอนตัวหรือร่วมรัฐบาลต่อไป ว่า ได้มอบหมายเลขาธิการพรรคไปแล้ว เนื่องจากการประชุมกรรมการบริหารพรรค ทางเลขาธิการพรรคจะเป็นคนกำหนดนัดหมายและวาระการประชุม ส่วนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในพรรคปชป. คิดว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีท่าทีชัดเจนแล้วว่าเจตนาที่แท้จริงคืออะไร คงไม่ต้องย้อนกลับไปพูดตรงนั้น และหากจะปรับคณะรัฐมนตรีขึ้นในอนาคต ก็ขึ้นอยู่กับและพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาลต้องฟังก่อนว่านายกฯ กับพรรคแกนนำรัฐบาลมีความประสงค์อย่างไร

เมื่อถามว่า หากมีการปรับครม.จะต้องเกลี่ยเก้าอี้รัฐมนตรีของพรรคใหม่หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า การจัดตำแหน่งรัฐมนตรีในพรรคมีการพิจารณาในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค และที่ประชุมส.ส.ร่วมกัน และต้องมีมติของที่ประชุมร่วมพิจารณา ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งกำหนด นี่คือวิถีประชาธิปไตยในพรรคปชป.ใครจะเป็นหัวหน้าพรรคก็ต้องปฏิบัติตามนี้

“ถึงวันนี้ผมยังไม่ได้รับสัญญาณปรับครม. ถ้าจะมีคือมาจากนายกฯ และพรรคพปชร.ทางใดทางหนึ่งแจ้งให้ทราบ และการพูดคุยของนายกฯ เมื่อวันที่ 10 มีนาคมไม่ใช่เรื่องเคลียร์ใจ ผมเป็นผู้ใหญ่พอ และคิดว่าที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์ไปนั้น คำตอบมีความสมบูรณ์ชัดเจนอยู่ในตัวแล้ว จึงต้องให้เกียรติท่าน ผมไม่มีอะไรเพิ่มเติม” นายจุรินทร์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ส.ปชป.กลุ่มที่สนับสนุนให้ร่วมรัฐบาลต่อจะมีการแสดงพลังในวันที่12 มีนาคม นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่ทราบประเด็นนี้ ในพรรคปชป. มีความเห็นต่างเสมอเป็นเรื่องปกติทุกสมัยในทุกกรณี และจะยุติได้ด้วยมติของพรรคที่มีข้อบังคับพรรคกำหนดไว้ชัดเจน จึงขึ้นอยู่กับว่าที่ประชุมจะเห็นเป็นอย่างไร เช่น ตอนร่วมรัฐบาลไม่ใช่หัวหน้าพรรคพามาร่วมรัฐบาล แต่เป็นไปตามข้อบังคับพรรค ซึ่งเป็นมติร่วมกันของส.ส.พรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค โดยที่ประชุมเห็นด้วย 61 เสียง ไม่เห็นด้วย 16 เสียง ก่อนที่พรรคพปชร.จะเชิญมาร่วมรัฐบาล จึงเป็นที่มาของการร่วมรัฐบาล

เมื่อถามว่า จะแก้ปัญหาเสียงข้างน้อยที่โหวตแพ้และทำให้เกิดแรงกระเพื่อมตามมา รองนายกฯ กล่าวว่า ถ้ายึดระบอบประชาธิปไตยต้องเคารพมติที่มาจากการแสดงความคิดเห็นและยุติด้วยเสียงข้างมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าเสียงข้างมากไม่ฟังเสียงข้างน้อย หรือเสียงข้างน้อยไม่ฟัง เมื่อยุติแล้วก็ต้องจบ มิเช่นนั้นองค์กรเดินต่อไปได้ซึ่งเป็นวิถีประชาธิปไตย

เมื่อถามถึงข้อสังเกตว่า สมาชิกที่แสดงความเห็นเห็นคัดค้านเป็นกลุ่มเดิมที่ค้านในหลายเรื่อง แสดงให้เห็นว่าภายในพรรคมีปัญหาหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวย้ำว่า จะต้องไปแก้ปัญหากัน และเคยพูดแล้วว่าในการลงมติถ้าเสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไรต้องยอมรับและปฏิบัติตาม