คำถามที่ทุกสำนักคิด สำนักการเมืองต้องตอบให้ได้ในขณะนี้เป็นคำ ถามที่ว่า FLASH MOB จุดติดหรือไม่

หากตอบว่าจุดติดก็จะได้ท่าทีหนึ่ง

หากตอบว่าจุดไม่ติดก็จะได้อีกท่าทีหนึ่ง ซึ่งตรงกันข้าม กับคำตอบแรกอย่างสิ้นเชิง

ขณะเดียวกัน จะสามารถตอบคำถามข้างต้นนี้ได้อย่างเที่ยงธรรม จำเป็นต้องก้าวให้พ้นจากอคติทั้งมวลอันเริ่มต้นที่พรรคอนาคตใหม่แม้ว่ากรณีของพรรคอนาคตใหม่จะเป็นชนวน

หรือที่สรุปตามสำนวนของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ว่าเป็นเหมือน ฟางเส้นสุดท้าย เพราะในความเป็นจริงประเด็นได้เลยไปจากกรณีของ พรรคอนาคตใหม่แล้วอย่างสิ้นเชิง

กลายเป็นการเมืองเรื่องรัฐประหาร เรื่องสืบทอดอำนาจ

 

หากขมวดอย่างถึงที่สุดปัญหาอันมีกรณียุบพรรคอนาคตใหม่เป็นตัวจุดชนวน ได้กลายเป็นปัญหาของประเทศ ปัญหาของสังคม และรวม ศูนย์ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วโดยบริบูรณ์

สังคมได้ก้าวเลยไปจากกรณีของพรรคอนาคตใหม่ ก้าวเลยไปจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล แล้ว

คำถามที่เกิดขึ้นไม่ว่าความเหมาะสมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ความเหมาะสมของรัฐธรรมนูญอันเป็น ผลผลิตของรัฐประหารเพื่อการสืบทอดอำนาจ

เท่ากับเป็นรูปธรรมยืนยันว่า กระบวนการเคลื่อนไหว FLASH

MOB ได้ยกระดับไปอีกขั้นและเป็นขั้นที่ใหญ่ยิ่งในทางการเมือง ใหญ่ยิ่งมากกว่าจะวนเวียนอยู่กับพรรคอนาคตใหม่

หากไม่เข้าใจในความเป็นจริงนี้ก็ไม่สามารถตอบได้ว่า FLASH MOB จุดติดหรือไม่ในทางการเมือง

 

จากนี้จึงเป็นคำถามไปยังรัฐบาล คำถามไปยังทุกพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้าน ว่าเหตุใดการจะ ปรับหรือไม่ปรับครม.แทบไม่มีความหมายอะไรเลย

เพราะขบวนการปรับครม.เสมอเป็นเพียงการปะผุในทางการเมือง

ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา จำเป็นต้องทำความเข้าใจกับสถานการณ์ใหม่

เพราะหากไม่เข้าใจก็ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะปรับตัวได้อย่างเป็นคุณ