เปิดแผนไอโอ “ธรรมกาย-ลายพราง” ส่องขุมกำลัง “3 ประสาน” คุมพื้นที่ตาม ม.44

“คนคนเดียว เสียสละ เสวยสุข” คือคีย์เวิร์ดที่ฝ่ายความมั่นคงใช้ตอบโต้วัดพระธรรมกาย หลังมีการประกาศใช้ ม.44 ควบคุมพื้นที่วัดและโดยรอบ เพื่อทำตามหมายค้นและหมายจับ “พระธัมมชโย” อดีตเจ้าอาวาสวัด ที่ฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่า “ยังอยู่ในวัด”

“ความจริงก็เกิดจากคนคนเดียวเป็นปัญหาใหญ่โต บ้านเมืองยุ่งเหยิงอย่างนี้ก็เพราะคนคนเดียว ก็ต้องคิดดูให้ดี แล้วในพื้นที่มีอะไรถึงไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดู เพราะอะไร ผมก็ไม่เข้าใจ และอยากรู้อยากเข้าไปดู มีสิ่งที่เจ้าหน้าที่เห็นไม่ได้หรือไง ผมไม่เข้าใจ ถ้าบริสุทธิ์ใจก็น่าจะเปิดให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูใช่ไหม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าว

“สิ่งที่ผมขออ้อนวอน ขอให้ท่านเสียสละ อย่าเอาความทุกข์ยากของประชาชนมากดดันรัฐบาล เสียสละคนเดียวจบ อย่าไปนั่งเสวยสุขอยู่ บ้านเมืองวุ่นวายอยู่ขณะนี้เพราะคนเพียงคนเดียว แค่ก้าวออกมาก็จบแล้ว” นี่คือความเห็น พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.

“เขาต้องการปฏิบัติการจิตวิทยา (ไอโอ) เขาพูดความจริงหรือเปล่า ถ้าจริงก็รับ ไม่จริงก็ไม่รับ สื่อต้องไปพูดความจริง ไม่ใช่ไปต่อความยาวสาวความยืด คิดถึงเจ้าหน้าที่ที่เขาทำงานนอนอยู่สามพันคน เขาร้อน คิดถึงลูกเมีย คิดกลับมาทางนี้บ้าง ไม่ใช่ไปทำให้คนผิดกฎหมายตลอด”

ตามด้วยทัศนะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

 

ในห้วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาหลังออก ม.44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย เกิดเหตุเสียชีวิตไปแล้ว 2 ราย โดยรายแรกเป็นผู้ชายผูกคอฆ่าตัวตายที่เสาวิทยุ เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิก ม.44 อีกรายเป็นศิษยานุศิษย์ที่ป่วยเป็นโรคหอบหืดภายในวัด

ซึ่งนำไปสู่ประเด็นถกเถียงว่าฝ่ายใดผิด ระหว่างวัดหรือรัฐ

จากเรื่องน่าสลดที่เกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ พล.อ.ประวิตร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จัดตั้งศูนย์แพทย์ทหารบกและตำรวจ คู่ขนานภายนอกวัดเพื่อเข้าช่วยผู้ต้องการความช่วยเหลือ

นับเป็นมาตรการที่พยายามจะลดอุณหภูมิร้อนของสถานการณ์ลง

แต่สิ่งที่ยังเติมเชื้อไฟตลอด คือ การส่งข่าวสารตอบโต้กันไปมา จนมีการมองว่าปฏิบัติการด้านข่าวสาร หรือ ไอโอ (Information Operation) ได้เริ่มขึ้นจากทั้ง 2 ฝ่าย

ดังวาทกรรมที่ว่า “ม.44 ทำให้คนตาย” นั่นเอง

“ส่วนที่อ้างว่า (รถพยาบาล) ติดด่านมาตรา 44 นั้น ใครจะไม่ให้เข้า ต้องไปดู มันเป็นข้ออ้าง แล้วสื่อจะอ้างตามเขาทำไม แล้วสื่อก็เป็นเครื่องมือเขาแบบนี้” นายกฯ กล่าวถึงประเด็นนี้

ยิ่งกว่านั้น มีการปล่อยภาพนายกฯ สวมหมวกกะปิเยาะมาเผยแพร่ พร้อมข้อความว่า พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม คิดทำลายพุทธศาสนา หวังยึดวัดพระธรรมกาย ส่วน 63 สมาชิก สนช. ที่เสนอแก้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ก็หวังทำลายพุทธศาสนาด้วย

โดย เสธ.ต๊อด พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. ได้ออกมาตอบโต้ประเด็นเหล่านี้

เริ่มจากเรื่อง สนช. ขอเสนอแก้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ โดยมีการอ้างว่า สนช.มุสลิม 63 คน จาก 84 คน เป็นผู้เสนอ ซึ่งโฆษก คสช. ชี้ว่าเป็นเรื่องที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง

เพราะ สนช. ที่ร่วมเสนอชื่อแก้ไข พ.ร.บ. ในครั้งนั้น มีสมาชิก สนช. สายมุสลิมเพียง 1 คน ไม่ใช่ 63 คน และเมื่อตรวจสอบรายชื่อที่ถูกอ้างเป็น สนช.มุสลิม 63 คน ก็พบว่าไม่มีใครเป็นสมาชิก สนช. ในชุดปัจจุบัน

ส่วนนายกรัฐมนตรีก็ออกมาตอบโต้ข่าวลือที่พาดพิงถึงตนเอง

“มีการปล่อยข่าวว่าผมเปลี่ยนศาสนาแล้วจากไทยพุทธเป็นไทยมุสลิม และการดำเนินการต่างๆ ก็เพื่อต้องการยึดพื้นที่ให้กับชาวไทยมุสลิม ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงคิดกันไปได้ขนาดนั้น ผมจะทำไปเพื่ออะไร”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

คําถามที่ทุกคนอยากรู้ คงหนีไม่พ้น กรณีความขัดแย้ง-คดีความเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย จะจบเมื่อไหร่ อย่างไร

ซึ่งไม่มีใครตอบได้ เว้นผู้นำของทั้งฝ่ายวัดพระธรรมกายและฝ่ายรัฐบาลจะตัดสินเท่านั้น

หากดูจากที่ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย ผบ.ทบ. ย้ำว่า เสียเวลาดีกว่าเสียชีวิตแล้ว นี่ก็อาจแสดงว่ากรณีธรรมกายอาจจะเป็นอีกเหตุการณ์ที่ยืดเยื้อ รอเวลาสุกงอม

“ทุกอย่างมีเริ่มต้น ต้องมีจบ จบอย่างไร เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ผบ.ทบ. กล่าว

สอดคล้องกับรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่แสดงความเห็นว่า “จะกี่สัปดาห์ก็ต้องทำ ผ่านไป 1 ปีแล้ว ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องทำเรื่อยๆ”

หากประเมินสถานการณ์ในช่วงสัปดาห์ที่สองหลังประกาศใช้ ม.44 ควบคุมพื้นที่เป็นต้นมา เหตุการณ์เริ่มนิ่งขึ้น แต่กระบวนการไอโอมีต่อเนื่อง ผ่านภาพและข้อความในไลน์และเฟซบุ๊ก ร่วมด้วยการตัดสัญญาณมือถือ-อินเตอร์เน็ตบริเวณพื้นที่วัดพระธรรมกาย เพื่อสกัดกั้นการระดมมวลชนของทางวัด

ภาพถ่ายหลายภาพในโซเชียลมีเดียส่งผลต่อจิตวิทยาของผู้ชมไม่น้อย เช่น ภาพการประชิดระหว่างทหารกับพระที่ยืนพนมมือเข้าหากัน หรือแม้แต่ภาพทหารที่ไปร่วมงานศพของผู้เสียชีวิตจากเหตุชายผูกคอประท้วง ม.44

“ทหารไปช่วยงานศพ แต่มาบอกว่าทหารไปรื้องานศพ สื่อจะช่วยรัฐอย่างไร ทหารเขาไปช่วยจัดสำรับอาหารพระ ไปช่วยล้างจาน แต่ฝ่ายตรงข้าม ผู้ไม่ประสงค์ดี บอกว่าทหารไปรื้องานศพ” พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 แจง

อีกทั้งวาทกรรม “ไม่ผิดจะกลัวอะไร” ก็เป็นสิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงใช้ในการตอบโต้พระธัมมชโยเสมอ ในการเรียกร้องให้อีกฝ่ายออกมามอบตัว

“ท่านทำผิดกฎหมายหรือเปล่า อยากให้ท่านออกมารับทราบข้อกล่าวหา มามอบตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถ้าคิดว่าทำถูกก็เข้ามา ถ้าทำผิดก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะหนีไปหรือ บ้านเมืองต้องมีขื่อมีแป” พล.อ.ประวิตรกล่าว

“ถ้าคิดว่าถูก บริสุทธิ์ ก็ออกมาต่อสู้คดีทางกฎหมาย อย่าใช้วิกฤตศรัทธาประชาชนเป็นเกราะป้องกันตัวเอง ถ้าไม่ผิดก็คือไม่ผิด เกิดแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว หลายคนก็หนีไปต่างประเทศแล้ว แต่หลายคนที่ทำก็ยอมรับโทษ แต่บางพวกมันไม่รับ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ วาทกรรมคำว่า “คนคนเดียว” หรือ “ไม่ผิดแล้วจะกลัวอะไร” ก็เป็นข้อหาที่ถูกใช้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกแพร่ในสังคมนับตั้งแต่เหตุรัฐประหารปี 2549

ที่น่าสนใจคือคนที่มีชะตากรรมทางการเมืองไม่สวย มักเจอวาทกรรม “คนคนเดียว” เล่นงานมาเยอะ ไม่ว่าจะฝ่ายใด

 

สําหรับหน่วยทหารที่คุมพื้นที่วัดพระธรรมกายโดยตรงตั้งแต่แรก คือ หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) ซึ่งมี “บิ๊กมิ๊กซ์” พล.ท.สุรใจ จิตต์แจ้ง เป็น ผบ. ประกอบด้วยหน่วยย่อย ได้แก่ กองพลปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (พล.ปตอ.) และศูนย์ป้องกันภัยทางอากาศ ทบ. จนเปรียบเป็นกองทัพภาคที่ 6 นอกจากกองทัพภาคที่ 1-4 และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.)

และมี “บิ๊กหนุ่ย” พล.ต.ธรรมนูญ วิถี รองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็น ผบ.บก.ควบคุมกำลังในส่วนทหาร ส่วน พล.ต.พัลลภ เฟื่องฟู ผบ.กองพลปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (พล.ปตอ.) เป็น ผบ.เหตุการณ์ฝ่ายทหาร

หน่วย นปอ. เป็นอีกหน่วยทหารตำนานทางการเมือง สมัยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) เรืองอำนาจ โดย “บิ๊กสุ” พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี และ ผบ.ทบ. เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายยุทธการ พล.ปตอ. มาก่อน

ระยะหลัง แม้ทหารปืนใหญ่จะไปไม่ถึงดวงดาวในตำแหน่ง ผบ.ทบ. แต่หน่วย ปตอ. ก็ถือเป็นแหล่งบ่มเพาะ ผบ.สส. หลายต่อหลายคน

น่าจับตาว่าในปฏิบัติการ “ธรรมกาย” ทีมเวิร์กของ “บิ๊กแดง-บิ๊กมิ๊กซ์” ทหารราบ-ทหารปืนใหญ่ ผสม ทหารรบพิเศษ โดย “บิ๊กเจี๊ยบ” จะผสานความเป็นทหาร 3 เหล่า อย่างไร ให้ภารกิจครั้งนี้สำเร็จลุล่วง

ต้องติดตามกันแบบ Infinity ท่ามกลางสถานการณ์ล่าสุด ที่มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ถอดถอนสมณศักดิ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย