มองบ้านมองเมือง / ปริญญา ตรีน้อยใส / ใครใคร่ ค้า ค้า ใครใคร่ โวย โวย

ปริญญา ตรีน้อยใส

มองบ้านมองเมือง/ปริญญา ตรีน้อยใส

ใครใคร่ ค้า ค้า ใครใคร่ โวย โวย

 

ไม่เพียงแต่ชาวนาปลูกข้าว ชาวสวนปลูกยาง ที่ขยันออกมาส่งเสียง เวลาที่เกิดปัญหาราคาข้าวหรือราคายาง

ไม่เพียงแต่คนขับรถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก หรือรถตู้ ที่ออกมาส่งเสียง เวลารัฐออกมาตรการมาจัดระเบียบ

ไม่เพียงแต่พนักงาน หรือข้าราชการ ที่จะออกมาประท้วง เวลาไม่ได้บรรจุ หรือไม่ถูกใจผู้บริหาร

ยังมีนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ขยันให้สัมภาษณ์ ออกข่าว แสดงความคิดเห็น ผ่านสื่อต่างๆ อยู่เป็นประจำ

โดยที่สื่อก็เปิดโอกาสเต็มหน้า เต็มเวลา เพราะเป็นลูกค้าลงโฆษณา จ้างจัดงานเป็นประจำ

บุญคุณที่อ้างบ่อยคือ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นธุรกิจอุตสาหกรรม ที่ส่งผลต่อระบบการจ้างงาน การผลิต และบริการ รวมทั้งเศรษฐกิจประเทศโดยรวม

อีกทั้งทำตัวราวลูกคนโปรดของพ่อ-แม่หรือรัฐบาล เรียกร้องความสนใจตลอดเวลา ร่ำร้องเวลาไม่ได้มาตรการช่วยเหลือ หรือกล่าวโทษว่า นโยบายรัฐทำให้ธุรกิจชะงัก

 

ต่างไปจากนักธุรกิจอื่น ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์ อะไหล่รถยนต์ หรือวัสดุก่อสร้างที่ก้มหน้าก้มตา แก้ปัญหาทั้งในบ้านและนอกบ้าน

หรือจะเป็นอุตสาหกรรมสิ่งทอ เสื้อผ้า และรองเท้า ที่ค่อยๆ ล้มหายตายจากไป โดยไม่เคยเป็นข่าวในสื่อ หากยอมรับสภาพการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี และการค้าระหว่างประเทศ

แม้แต่ธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง สรรพสินค้า ต่างแก้ปัญหา ลดแลกแจกแถม ตกแต่ง ประดับประดา สร้างกระแสเรียกร้องความสนใจจากลูกค้าประชาชนโดยตรง

จะเป็นเพราะธุรกิจนี้ทำกันง่าย กำไรเยอะ จนเคยตัว เมื่อเทียบกับกิจการอื่น

 

เริ่มตั้งแต่อดีต พอรู้ข่าวก่อนใคร รีบดักซื้อที่ดินราคาถูก ก็เอามาแบ่งแปลงขาย ไม่ต้องเตรียมการอะไรมาก แรกๆ ก็แค่ตัดถนน ต่อมาเพิ่มท่อน้ำบ้าง โดยไม่สนว่า มาอยู่แล้วจะมีน้ำมีไฟไหม เพราะหน่วยงานจะตามมาบริการภายหลัง

ไม่มีการศึกษาว่า ที่ไหนเป็นที่ลุ่ม ที่ดอน เลือกราคาที่ดินถูกเป็นเกณฑ์ ปล่อยให้คนซื้อคนอยู่ไปตายเอาดาบหน้า หากอยู่ไกลการประปาไปไม่ถึง ก็สูบน้ำบาดาลมาใช้จนแผ่นดินทรุด น้ำท่วมนานเป็นเดือน ใครต่อใครก็รีบมาช่วยเหลือ จนรัฐต้องออกมาตรฐานขนาดแปลง ขนาดถนน และระบบบำบัดน้ำเสีย ก็โดนกล่าวหาต่างๆ โดยไม่บอกว่า กำไรที่เคยได้น้อยลง

ต่อมายกระดับสร้างบ้านขายพร้อมที่ดิน แต่ก็เลี่ยงภาษีว่า แค่รับสร้างบ้าน เลยเป็นโอกาสสร้างบ้านทรุด ผนังร้าว

บางโครงการก็ทำทีละเล็กละน้อย จะได้ไม่ต้องลงทุนทำถนนกว้าง พอขยายโครงการแล้วโครงการอีก เลยกลายเป็นถนนแคบ การจราจรติดขัดทั้งวัน คนอยู่ก็ได้แต่ขอให้รัฐแก้ปัญหา

พอรัฐบังคับให้ศึกษาโครงการให้ดี ทำอีไอเอ พอธนาคารตรวจสอบเข้ม ก็แค่ลดขนาดโครงการให้เล็กลง เลี่ยงกฎหมาย ไม่ต้องทำอีไอเอ และอ้างสารพัดเรื่อง

ต่อมารู้วิธีเขียนโครงการหลอกธนาคาร ลงทุนเปิดตัวทำยอดจองเทียม จนกลายเป็นฟองสบู่ เกิดวิกฤตให้ชาวบ้านล่มจมไปแล้วเมื่อยี่สิบปีก่อน

 

พอคนรุ่นใหม่ยอมอยู่ห้องเล็กๆ บนตึกสูง เลยมีโอกาสให้ฉวยอีกแล้ว ทำอาคารสูงเต็มลิมิตเอฟเออาร์ ได้กำไรมากขึ้น ตรงไหนพอมีที่กว้างพอ ก็ออกแบบง่ายๆ เขียนคิ้ว ยื่นเส้น ปาดเฉียง ให้ตื่นเต้น โดยไมสนใจว่า อยู่ข้างวัด ข้างโรงเรียน ริมน้ำ ริมเขา หรือคนอยู่จะดูแลอย่างไร

ทั้งๆ ที่เป็นคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่หลายสิบชั้น ก็ไม่ได้ศึกษาอะไร รีบเปิดตัวขาย รีบจองกันง่ายๆ เพื่อได้ยอดไปหลอกธนาคาร

ก่อนเกิดต้มยำกุ้ง ดอกเบี้ยสูงเป็นหลักสิบ ตอนนี้เหลือเลขตัวเดียว ทุกคนเลยกระดี๊กระด๊า พ่อรวยก็ทำ แม่ดังก็ทำ ลูกดาราพ่อก็ทำ จากเคยทำบ้าน ทาวน์เฮาส์ก็เปลี่ยนแนว เป็นอาคารสูง แบบว่าใครอยากทำอะไรก็ได้

พอมีมาตรการควบคุม ก็ออกมาต่อต้าน และเกือบทุกครั้ง รัฐบาลก็จะรีบออกนโยบายช่วยเหลือ

 

ทั้งๆ ที่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในบ้านเมืองอื่น เขามีกระบวนการที่ขั้นตอนชัดเจน ตั้งแต่หน่วยงานท้องถิ่น จะกำหนดทิศทางการพัฒนาเมือง กำหนดพื้นที่เขตจะสร้างอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ เป็นที่อยู่อาศัย เป็นโรงงาน เป็นศูนย์การค้า

จากนั้น นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็จะเข้ามาวางผัง ออกแบบก่อสร้าง โดยรู้แน่ว่าจะมีผู้คนมาอยู่อาศัย

ในขณะที่ระบบโครงสร้างพื้นฐาน น้ำประปา ไฟฟ้า ระบบขนส่งสาธารณะ ก็จะสอดประสานกัน

บ้านเราใช้ระบบเศรษฐกิจสุโขทัยมาช้านาน ทุกวันนี้ใครใคร่ค้า ค้า เลยเป็นว่า ใครอยากทำอะไรก็ทำ แม้แต่ไม่ให้ทำ เลี่ยงกฎหมายทำ ทำแล้วมีปัญหาก็โยนให้คนอื่น แค่เปิดศูนย์การค้าเดียว รถก็ติดไปทั้งเมือง หรือแม้แต่เปิดศูนย์การค้าในย่านลี้ลับ ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็จะมีรถไฟฟ้าสีพิเศษ ที่ไม่อยู่ในแผนใดๆ จะไปถึงจนได้

เพียงแต่ว่า ผู้ประกอบการต้องโวยเก่งเท่านั้น

ก็อย่างว่า ธุรกิจแบบนี้ ใครใคร่ ค้า ค้า ใครใคร่ โวย โวย