ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 กุมภาพันธ์ 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ |
เผยแพร่ |
๐ หอ ศิลป์สรรพศาสตร์สร้าง สรรพศิลป์
ศิลป์ ประดับแผ่นดิน ดอกแก้ว
ริม น่านร่มธรณิน อาณาจักร
น่าน หนึ่งน้ำเพชรแพร้ว ผ่องแก้วผกายสมัย
ไปงาน “รักษ์ป่ารักน่าน” ที่หอศิลป์ริมน่าน จังหวัดน่าน ระหว่างวันที่ 18-20 มกราคมที่ผ่านมา
งานนี้จัดเป็นประจำทุกปี บางปีระยะแรกจัดเป็นงานใหญ่ในตัวจังหวัด บางปีจัดเป็นงานเฉพาะที่หอศิลป์ริมน่าน เช่นปีนี้
หอศิลป์ริมน่านอยู่ในอำเภอเมือง ห่างจากตัวเมืองน่านประมาณยี่สิบกิโล อยู่ริมแม่น้ำแน่นตรงโค้งน้ำ ที่ฝั่งตรงข้ามยังเป็นธรรมชาติ เห็นไม้ไร่ริมฝั่งและทิวดอย งามนัก สมชื่อ
หอศิลป์แห่งนี้ คุณวินัย ปราบริปู ศิลปินเอกด้านจิตรกรรม เป็นผู้เนรมิตขึ้นมาด้วยใจรัก อุทิศให้กับงานศิลปะมาทั้งชีวิต
ไปเมืองน่าน นอกจากภาพผนังวัดภูมินทร์ “กระซิบรัก” แล้วก็ต้องไปชมงานศิลปะร่วมสมัยที่หอศิลป์ริมน่านด้วย
ภาพผนังวัดภูมินทร์เป็นฝีมือศิลปินโบราณฝากฝีมือไว้ นอกจากที่วัดภูมินทร์แล้ว อีกแห่งอยู่ที่วัดหนองบัว อำเภอท่าวังผา เป็นสองแห่งที่ผู้รักงานศิลปะต้องไปชม
ศิลปินผู้เนรมิตภาพ เป็นสัญลักษณ์ของเมืองน่านท่านนี้ชื่อ “หนานบัวผัน”
ปัจจุบันศิลปินน่านคนสำคัญก็คือ วินัย ปราบริปู สืบไปก็อาจเอ่ยนามว่า “หนานวินัย” เช่นกัน
เนื่องจากหนานวินัยเป็นศิลปินร่วมสมัย จึงมีเพื่อนพ้องในแวดวงศิลปะหลายสาขามากมายมาร่วมงานหอศิลป์ริมน่านกันเป็นประจำ
เช่น ด้านดนตรีมีหงา คาราวาน หรือสุรชัย จันทิมาธร เป็นหลัก
กับมีกลุ่มนักแสดงที่เรียกว่าเพอร์ฟอร์แมนซ์นำโดยศิลปินนำสมัยซึ่งเป็นชาวน่าน คือ คุณจุมพล อภิสุข ด้านจิตรกรรมมือหนึ่งอีกคนคือ สมภพ บุตราช
คนนี้ฝากฝีมือภาพผนังที่วัดพุทธประทีป กรุงลอนดอนไว้แล้ว กับฝีมือเขียนรูปด้วยดินขนาดใหญ่ที่ยังไม่เคยมีศิลปินโลกคนใดทำมาก่อน
อีกคนคือนักเขียนเรื่องสั้นชั้นครูผู้เป็นศิลปินแห่งชาติ คือ อัศศิริ ธรรมโชติ กับเพื่อนพ้องนักเขียนกลุ่มใหญ่
ศิลปินแห่งชาติหลากความสามารถอีกคนคือ เทพศิริ สุขโสภา ผู้มาปักหลักอยู่เมืองน่านที่ท่าวังผาอีกเช่นกัน
จัดเป็นงานชุมนุมของสุดยอดฝีมือมาร่วมรังสรรค์ศิลปกรรมในงานนี้อย่างอลังการยิ่ง
งานในลักษณะนี้แหละที่ดูเหมือนบัานเรายังขาดอยู่ เป็นงาน “รวมใจลงใจ” ทั้งผู้สร้างและผู้เสพ
เมืองน่านนั้นมีทั้งภูมิธรรมและภูมิฐาน
ภูมิธรรมคือ ประเพณีวัฒนธรรมที่ทำให้ผู้คนมีน้ำใจไมตรี เป็นตัวของตัวเองอย่างศัพท์นิยามคือความมีอัตลักษณ์
ภูมิฐานคือ ความอุดมสมบูรณ์ ทั้งด้านพื้นที่โดยรวมและการงานอาชีพ
เหล่านี้เป็นภูมิคุ้มกันสำคัญของเมืองน่าน
เวลานี้น่านกำลังกลายเป็นเมืองด่านชายแดนลาว คือ มีถนนชั้นดีจากน่านสู่เมืองชัยบุรีสู่หลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
เมืองน่านจะกลายเป็นเมืองชุมทางท่องเที่ยวสำคัญ หวังว่า ด้วยภูมิธรรมและภูมิฐานที่น่านมีอยู่จะเป็นภูมิคุ้มกันให้น่านยังคงอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ไว้ได้
การ “รวมใจลงใจ” รักและรักษาน่านไว้นี้คือการปลูกสำนึกให้เราชาวน่านได้ตระหนักอยู่เสมอว่า
ก่อนจะคิดว่าน่านจะเป็นอย่างไรในอนาคต เราชาวน่านต้องรำลึกไว้เสมอว่า
อะไรทำให้น่านเป็นน่านอันมีเสน่ห์อยู่ได้ในวันนี้
จากงานรักษ์ป่ารักน่าน ที่หอศิลป์ริมน่าน พลอยได้พบงานตัวอย่างดีๆ ของชาวน่านอีกงานคือ งาน “น่านปันกัน”
คุณต๋อม หรือเณริกา ยาแก้ว กับคู่ชีวิตคือ คุณวิชยา ยาแก้ว เจ้าของร้าน “สุดกองดี” ริมน้ำน่านอีกฝั่งเมือง ชวนไปงาน “น่านปันกัน” ที่สวนสาธารณะข้างวัดกู่คำ ช่วงเช้าวันอาทิตย์
พิเศษและวิเศษคือ เป็นงานแลกเปลี่ยนของกินของใช้ซึ่งกันและกันโดยไม่ใช้เงินเลย เพียงผู้ไปร่วมงานเตรียมของไปบริจาคให้กันและกัน
คณะเราหิ้วปิ่นโตอาหารไป บางคนทำน้ำปั่น บ้างมีถั่วงอกเพาะ และผักใหม่สด บ้างต้มฟักทองลูกใหญ่หั่นเป็นชิ้นแจกกันกิน บ้างมาช่วยตัดผมฟรี บ้างแจกหนังสือ บ้างเล่นดนตรี ศิลปินเทพศิริ สุขโสภา มานั่งวาดรูปแจก ฯลฯ
ผู้ริเริ่มงานนี้คือพี่ตู๋ หรือ รัฐพล ใกล้ชิด ประธานกลุ่มน่านตื่นรู้ ซึ่งนายแพทย์บุญยง วงศ์รักมิตร ผู้อาวุโสและปูชนียบุคคลของเมืองน่านเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง
กิจกรรม “น่านปันกัน” นี่แหละเป็นอีกเสน่ห์หนึ่งของเมืองน่าน เขาจัดเดือนละครั้งเฉพาะช่วงเช้าวันอาทิตย์ถึงราวสิบโมงเช้าก็เลิก แล้วจะมีอาทิตย์ใดของเดือนก็แล้วแต่กลุ่มจะตกลงกัน ขณะนี้สมาชิกร่วมราวยี่สิบคน
งานนี้ควรเป็นตัวอย่างให้ทุกเมือง ทุกชุมชนจัดให้มี นอกจากเพื่อ “แบ่งปัน” กันอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ก็จะเป็นการปลูกฝังจิตสำนึก ช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ด้วย
สำนึกนี้แหละที่สังคมเรารวมทั้งโลกเรายังขาดอยู่
และจำเป็นต้องมีอย่างยิ่ง