ขับเคลื่อนประเทศไทย

ปิดไฟใส่กลอน

อำลาประชาธิปัตย์ไปเรียบร้อย

สำหรับกรณ์ จาติกวณิช

ปิดฉาก 15 ปี ในพรรคเก่าแก่

ที่ครั้งหนึ่ง กรณ์ในฐานะศิษย์เก่าบัณฑิตสาขาปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ ที่เซนต์จอห์นส์ คอลเลจ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด

ร่วมสถาบันเดียวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ที่ล้วนเคยมีเป้าหมายที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งของพรรค และหมายเลขหนึ่งของทำเนียบ

ซึ่งนายอภิสิทธิ์ก้าวไปถึงฟากฝันทั้งสองตำแหน่งแล้ว

แต่กรณ์ยังไม่สามารถไปถึงจุดนั้น

แถมเส้นทางในพรรคก็ตีบตันลงทุกที

จนแทบจะกล่าวว่า หากอยู่ในจุดเดิม คงแทบไม่มีโอกาส

นำมาสู่การตัดสินใจโบกมืออำลาพรรคเก่า

เพื่อหาโอกาสใหม่

“ผมมีความฝัน

ที่อยากจะสร้างการเมืองแห่งความเปลี่ยนแปลง

การเมืองที่กล้าคิด กล้าทำ มีความรอบคอบ แต่ไร้ความกลัว

มีความเด็ดเดี่ยว แต่มีคุณธรรม

เป็นการเมืองที่จะชวนผู้คนในสังคมไทยที่มีศักยภาพ

มาร่วมกันออกแบบ

และขับเคลื่อนประเทศไทยไปด้วยกัน”

คือคำประกาศอำลาพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ 15 มกราคมที่ผ่านมา

ต้องให้ความสนใจ ความตั้งใจ และมุ่งมั่นครั้งใหม่ของกรณ์

ผ่านคำแถลงดังกล่าวเป็นพิเศษ

นั่นคือ

“ขับเคลื่อนประเทศไทย”

เหตุที่ต้องสนใจ

เพราะหากย้อนข่าวกลับไปก่อนหน้านี้ มีข่าวอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมอำลาประชาธิปัตย์เช่นกัน

อำลาหลังจากหารือพูดคุยกับทั้งนักการเมืองในพรรค นักวิชาการ นักธุรกิจ

แล้วเห็นร่วมกันว่า ควรมีการ “รวมกลุ่มขับเคลื่อนไทย” ขึ้น

เพื่อกำหนดทิศทางประเทศไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า

ว่าประเทศไทยจะรองรับวิกฤตการณ์ต่างๆ ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

ในเบื้องต้น แม้จะอ้างว่าเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนทางวิชาการ

ไม่มีการหารือเรื่องตั้งพรรคการเมืองแต่อย่างใด

แต่นาทีนี้ ทุกอย่างอาจเปลี่ยนแปลงไปแล้ว

เมื่อกรณ์ตัดสินใจลาออกจากประชาธิปัตย์

แล้ว อรรถวิชช์ ก็ติดตามมาในไม่ช้า

ขณะที่มีข่าวพาดพิงไปถึงนายธรรศพลฐ์ แบเลเวลด์ หรือโจ แอร์เอเชีย อดีตซีอีโอ สายการบินแอร์เอเชีย

ว่าสนใจเข้าสู่สนามการเมือง เพื่อจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่เช่นกัน

พรรคขับเคลื่อนประเทศไทย

จึงอาจเป็นสถานีต่อไปของนายกรณ์ จาติกวณิช

หลังปิดประตูลงกลอนพรรคประชาธิปัตย์ไปเรียบร้อย