“เอฟแอลดี” เปิดรายงานปี 2019 ชี้นักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั่วโลกกว่า 300 คนถูกสังหาร

วันที่ 16 มกราคม 2563 เว็บไซต์เดอะการ์เดี้ยนรายงานว่า ฟรอนท์ ไลน์ ดีเฟนเดอร์ (FLD) องค์กรระหว่างประเทศภาคประชาชนที่ส่งเสริมและคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ได้เปิดรายงานล่าสุดถึงสถานการณ์นักปกป้องสิทธิมนุษยชนด้านต่างๆทั่วโลก พบว่า มีนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในประเด็น ความหลากหลายทางเพศ สิ่งแวดล้อม เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น รวมถึงที่ทำกินของชนพื้นเมืองกว่า 300 คน จาก 31 ประเทศทั่วโลก ถูกสังหาร โดยมีจำนวนถึง 2 ใน 3 ที่เกิดขึ้นในแถบละตินอเมริกา ที่วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดจากการดำเนินคดีกลายเป็นค่านิยมแล้ว

เอฟแอลดีกล่าวว่า ปี 2019 นับว่าได้เกิดคลื่นการลุกฮือทางสังคมที่เรียกร้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและเศรษฐกิจไปทั่วโลกจากอิรัก เลบานอน ไปจนถึงฮ่องกง อินเดียและชิลี

ในรายงานระบุว่า มีกรณีการทำร้ายร่างกาย ฟ้องหมิ่นประมาท คุกคามความปลอดภัยทางไซเบอร์ ล่วงละเมิดในกระบวนการยุติธรรม การประทุษร้ายบนฐานของเพศกับนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ผู้ที่เป็นแนวหน้าในการประท้วงต่อความเหลื่อมล้ำ การทุจริตและระบอบอำนาจนิยม ซึ่งมีข้อมูลสำคัญ อาทิ 13% นักปกป้องสิทธิฯที่ถูกสังหารเป็นผู้หญิง 40% ของนักป้องสิทธิมนุษยชนที่ถูกสังหาร ทำงานอยู่ในประเด็นที่ดิน ชนพื้นเมืองและสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ นายแอนดรูว์ แอนเดอร์สัน ผู้อำนวยบริหารของเอฟแอลดีกล่าวว่า ในปี 2019 เราได้เห็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในแนวหน้าที่ปกป้องและผลักดันสิทธิในหลายเมืองของหลายประเทศทั่วโลก แม้ต้องเผชิญการปราบปราม พวกเขายังคงพัฒนาวิสัยทัศน์ของสังคมและโลกที่ทำให้เกิดความอับอายไม่เพียง แต่รัฐบาลและผู้นำของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประชาคมระหว่างประเทศด้วย