วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู /3 เด็กเรือนไพร่ กำชัยชนะ (25)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู

3 เด็กเรือนไพร่ กำชัยชนะ (25)

ไม่ว่าจักรพรรดิเหลียง ไม่ว่ารัชทายาท ไม่ว่าอวี้หวัง ไม่ว่าจิ่งหวัง หรือแม้กระทั่งเหมิงจื้อ ล้วนไม่มีความมั่นใจเต็มร้อยว่าเด็กจากเรือนไพร่ 3 คนจะสามารถเอาชนะไป่หลีฉีได้

มีแต่หนีหวงจวิ้นจู่เท่านั้นที่มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม

ครั้นวันประลองมาถึง ความน่าสนใจมิได้อยู่ที่ 1 ความสามารถในการวางแผน และ 1 ที่สำคัญอย่างยิ่งยวดคือความสามารถในการฝึกปรือและยกระดับเด็กซึ่งไร้ฝีมืออย่างสิ้นเชิง 3 คนให้พัฒนาขึ้นอย่างชนิดก้าวกระโดด

“เริ่ม” เหมิงจื้อประกาศด้วยเสียงอันดัง

กลางห้องพลันเกิดสายลมบางเบา เด็กน้อยทั้ง 3 วิ่งวนเป็นวงราวกับลูกข่าง ท่าเท้าสลับสับเปลี่ยนเร็วรี่ เงาร่างจากชัดเจนเปลี่ยนเป็นซับซ้อน เลือนรางในชั่วพริบตา

คนที่ฝีมืออ่อนด้อยย่อมชมดูจน 2 ตาพร่าพราย

จินเตียวไฉหมิงแห่งแคว้นต้าอวี๋เห็นเช่นนั้นรู้สึกสนใจขึ้นมา จึงนั่งตัวตรงจับตาดูอย่างตั้งอกตั้งใจ ทันใดนั้นจู่ๆ กลับรู้สึกถึงกลิ่นอายสังหารรุนแรงจู่โจมมาจากด้านข้าง

ในใจสะท้อนวูบจนอดเบือนหน้าไปมองมิได้

เห็นเพียงใต้เท้าเหมิงจื้อ ยอดฝีมืออันดับ 1 ของต้าเหลียง สมุหราชองครักษ์แห่งนครจินหลิงกำลังถลึงตาใส่อย่างดุดัน เพลิงโทสะคุโชนในดวงตาคู่นั้นคล้ายกับระหว่างพวกเขาทั้ง 2 มีความแค้นเข่นฆ่าบิดาก็มิปาน

สร้างความรู้สึกหนาวยะเยือกแก่จินเตียวไฉหมิง จนต้องเพ่งสมาธิจ้องมองพลางขบคิดอย่างละเอียดว่าตนไปล่วงเกินคนผู้นี้ไว้ตั้งแต่เมื่อใด

 

“ไห่เยี่ยน” อรรถาธิบายสถานการณ์ต่อเนื่องว่า พลังฝีมือของหนีหวงจวิ้นจู่ก็ขึ้นชื่อว่าบรรเจิดเลิศล้ำเช่นกัน พอเห็นท่าร้างที่พลิ้วพรายนั้นเข้าก็ถูกดึงดูดในทันที

ขณะจะโน้มตัวขึ้นหน้าพินิจให้ถ้วนถี่

ข้างกายปรากฏเสียงร้องอุทานของเหมยฉางซูดังขึ้น พอหันไปก็พบว่าเขาทำถ้วยชาหกคว่ำอยู่กลางโต๊ะ กำลังสาละวนกับการกระถดถอยหยดน้ำที่ไหลลงมาเป็นทาง ท่าทางทุลักทุเลผิดจากปกติที่สุภาพสง่างามอย่างสิ้นเชิง

ทำให้จวิ้นจู่อดแย้มปากฉีกยิ้มมิได้

ในห้วงเวลาที่ 2 ยอดฝีมือสมาธิแตกซ่านกลางโถงได้เกิดเสียงครางต่ำๆ ดังขึ้นหลายครา ตามด้วยเสียงทึบดังอีกครั้ง เด็กน้อยทั้ง 3 ถอนเก็บกระบี่กระโดดถอยหลังไป เงากระบี่ค่อยๆ เลือนหาย

ทุกคนเพ่งมองอีกครั้ง เห็นไป่หลี่ฉีคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้น ใช้แขนพยุงร่าง สีหน้าโกรธขึ้ง

“ชนะแล้ว” “ชนะแล้ว”

 

จินเตียวไฉหมิงซึ่งกำลังปะทะสายตาดุดันกับเหมิงจื้อ จู่ๆ ทั้งร่างก็ปลอดโปร่งขึ้นมาฉับพลัน ท่าทางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อของไต้เท้าเหมิงเมื่อครู่พลิกผันกะทันหัน เปลี่ยนเป็นส่งยิ้มไมตรีจิตมาให้ พริบตานั้นรู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตัวเองใช่ฝันไปหรือไม่

“ผู้กล้าไป่หลี่ฉี ท่านเป็นอย่างไรบ้าง” หัวหน้าทูตเป่ยเอี้ยนร้องถามด้วยความโมโหระคนร้อนใจ

“ท่านทูตไม่ต้องร้อนใจ พวกเราไม่ทำร้ายอาคันตุกะแน่นอน” เหมยฉางซูยิ้มพลางพยักพเยิดบอกเด็กๆ

“ยังไม่รีบขอบพระทัยในพระมหากรุณา”

มือกระบี่ร่างเล็กทั้ง 3 รีบคุกเข่าโขกศีรษะ จักรพรรดิเหลียงทรงสำราญพระทัยถึงที่สุด

“พวกเจ้า 3 คนสร้างผลงานเจิ้นย่อมไม่กลับคำ นับจากนี้ให้ยกเลิกความเป็นไพร่นักโทษ สามารถเลือกทำงานในวัง หรือจะออกไปอาศัยกับญาติมิตรก็แล้วแต่”

เป็นอันว่าสมตาม “เป้าหมาย” ที่เหมยฉางซูกำหนดเอาไว้ทุกประการ

 

เป้าหมายที่ว่านี้มิได้อยู่ที่ว่า ความหนักใจที่เคยมีต่อความเก่งกาจสามารถอย่างเหลือเชื่อของไป่หลี่ฉี จอมยุทธ์จากแคว้นเป่ยเอี้ยนถูกปลดออกไป

จักรพรรดิก็ถอนพระทัยด้วยความโล่งอก

ยิ่งหนีหวงจวิ้นจู่ซึ่งไม่ต้องการตกไปอยู่ในแผนสมรสของแคว้นเป่ยเอี้ยน ยิ่งต้องขอบคุณเหมยฉางซูอย่างเป็นพิเศษ

แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นกลับเป็นจิ้งหวัง

เหมือนกับแผนทุกอย่างอันเหมยฉางซูจัดวางเอาไว้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการต่อรองและเจรจาระหว่างตนกับจิ้งหวังจะกวาดรวมมากองไว้ตามเป้า

แผนนี้สำเร็จเสร็จสมอารมณ์หมาย

กระนั้น ที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ บทบาทของราชองครักษ์เหมิงจื้อที่เพ่งสายตาไปสบประสานกับจินเตียวไฉหมิงแห่งแคว้นต้าอวี๋

เช่นเดียวกับบทบาทของเหมยฉางซูเมื่อทำถ้วยชาหก

นี่ย่อมเป็นกลยุทธ์ในการเบี่ยงเบน เพื่อมิให้จินเตียวไฉหมิงและหนีหวงจวิ้นจู่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับการต่อสู้เฉพาะหน้า