เด็กเก็บบอล : ที่สุดแห่งความไม่พร้อม กับ “ซีเกมส์” อิน “ฟิลิปปินส์”

นับจากวันที่หนังสือฉบับนี้ตีพิมพ์ก็จะเท่ากับว่าเหลืออีกเพียงวันเดียวเท่านั้น การแข่งขันกีฬา “ซีเกมส์” ครั้งที่ 30 ที่ “ประเทศฟิลิปปินส์” ก็จะเปิดฉากทำการแข่งขันอย่างเป็นทางการ

แต่ทว่าตัวผู้เขียนนั้นเดินทางมาถึงตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งเมื่อมาถึงก็ต้องบอกเลยว่า สิ่งที่เคยเป็นกังวลเอาไว้ก่อนจะเดินทางมาคือเรื่องความพร้อมของเจ้าภาพนั้น มันก็เกิดขึ้นจริงๆ

เอาจริงๆ ก่อนจะเดินทางมาแทบจะได้ยินข่าวเป็นระยะๆ ถึงความพร้อมของเจ้าภาพที่จะเรียกว่าความพร้อมก็คงไม่ได้ เพราะมันแทบจะไม่มีความพร้อมอะไรที่พวกเขาจะเป็นเจ้าภาพได้เลยมากกว่า

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอีเวนต์กีฬาที่ดึงเข้าดึงออก หาบทสรุปไม่ได้ บางกีฬาสนามแข่งขันก็ไม่เรียบร้อยจนไม่รู้ว่าจะแข่งขันได้หรือไม่ หรือกีฬาบางชนิดก็ยังไม่มีการคอนเฟิร์มสนามแข่งขันที่ชัดเจน หรือการประชาสัมพันธ์ในเมืองที่ไม่บอกแทบจะไม่รู้เลยว่าที่แห่งนี้กำลังจะมีการแข่งขันระดับภูมิภาคเกิดขึ้น

จนบางครั้งยังนึกว่านี่เป็นการแข่งขันระดับกีฬาแห่งชาติ หรือบางครั้งกีฬาแห่งชาติยังทำได้ดีกว่านี้ด้วยซ้ำ!!!!!

 

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงแค่ผลกระทบกับเจ้าภาพอย่างฟิลิปปินส์เอง เอาเป็นว่าประเทศไทยที่ปกติจะมีความตื่นตัวกับการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ แต่ก่อนเดินทางมาหลายคนยังแทบจะไม่รู้เลยว่ากำลังจะมีการแข่งขันเกิดขึ้น

อาจจะเป็นเพราะกระแสกีฬาช่วงนี้ไม่ค่อยเป็นที่น่าสนใจเท่าไหร่ แต่ในส่วนนี้ยังคงเชื่อว่ากระแสจะกลับมาเมื่อเข้าสู่การแข่งขันจริง คนไทยจะคอยให้กำลังใจนักกีฬาอย่างแน่นอน

กลับมาว่ากันถึงเรื่องความพร้อมของเจ้าภาพก่อน โดยนักกีฬาไทยทัพใหญ่ชุดแรกที่เดินทางมาถึงก็เกิดปัญหาทันที เพราะว่านักกีฬาทั้ง 4 ชนิดคือ “ฟุตบอลชาย, เนตบอล, ฟลอร์บอล” และ “โปโลน้ำ” ต้องรอการตรวจคนเข้าเมืองนานมาก เนื่องจากเจ้าภาพไม่จัดช่องพิเศษสำหรับผู้เข้าร่วมการแข่งขันซีเกมส์ไว้ให้เหมือนที่เคยทำกันมา

นอกจากนี้ หลังจากรับกระเป๋าเสร็จ ยังต้องเสียเวลากับการลงทะเบียนนักกีฬาเพื่อรับเอดีการ์ดยืนยันการเป็นนักกีฬา ซึ่งเจ้าภาพจัดเจ้าหน้าที่เอาไว้แค่ 2 คน แต่ต้องรับมือกับนักกีฬาทุกชาติ

ซึ่งของไทยที่เดินทางมาในช่วงนั้นมีมากกว่า 200 คน ทำให้การดำเนินการเป็นไปได้ช้า กว่าจะได้ออกจากสนามบินใช้เวลาไปแล้วกว่า 2 ชั่วโมง

ไม่พอ เมื่อถึงโรงแรมแล้วต้องเช็กอินและรอกระเป๋าเพื่อจะเข้าห้องพัก ซึ่งก็ใช้เวลาเช่นกัน จนกว่าจะได้พักก็ใช้เวลาไปกว่า 5 ชั่วโมง และยังทำให้โปรแกรมการฝึกซ้อมไม่สามารถไปตามที่วางไว้อีกด้วย

เช่นเดียวกับทีมฟุตบอลชายที่เดินทางมาถึงพร้อมกัน เพราะว่าเมื่อไปถึงโรงแรมก็เจอกับปัญหาห้องพักไม่เพียงพอ และจะให้นอนห้องละ 3 คน ซึ่งทางทีมไทยเองก็ไฟต์เต็มที่เพื่อให้นักกีฬาได้นอนห้องละ 2 คน

จนสุดท้ายเจ้าภาพก็ต้องจัดการให้ได้

 

ปัญหาต่อมาที่ต้องเจอคือเรื่องของการจัดการสนามฝึกซ้อมต่างๆ ที่เห็นชัดมากที่สุดก็คือทีมฟุตบอลทีมชาติไทย หลังจากที่เดินทางมาถึงวันแรกใช้วิธีการเดินผ่อนคลายไปยังสนามแข่งขันจริงเพื่อดูบรรยากาศโดยรวม

แต่พอเข้าสู่วันที่ 2 ที่จะลงฝึกซ้อมจริงจัง ก็เกิดปัญหาขึ้นทันที เพราะว่าเจอปัญหากับสภาพจราจรในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเจ้าภาพไม่จัดรถตำรวจมานำขบวนตามที่ได้แจ้งเอาไว้ แถมคนขับรถเองก็ไม่รู้จักเส้นทาง ทำให้กว่าจะไปถึงสนามซ้อมได้ ทำให้การซ้อมล่าช้าไปถึง 20 นาทีด้วยกัน

ไม่พอ เพราะไปถึงแล้วยังต้องเจอกับสภาพสนามซ้อมสุดห่วย เพราะว่าพื้นที่โดยรอบของสนามนั้นยังคงอยู่ในช่วงปรับปรุง มีการตั้งนั่งร้านที่ใช้ในการช่วยก่อสร้างโดยรอบ แถมสนามซ้อมยังไม่มีห้องพักนักกีฬา, ไม่มีห้องน้ำ จนทีมงานต้องนำชุดวางไว้บนเก้าอี้ริมสนาม เพื่อให้นักกีฬาเดินกลับไปเปลี่ยนชุดบนรถอีกครั้ง

แม้ว่าสนามหญ้าเทียมแห่งนี้จะอยู่ในสภาพที่ดีมากๆ แต่ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง สุดท้ายทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทย ก็ต้องหาเช่าสนามฝึกซ้อมแห่งใหม่แทนที่

 

ใช่ว่านักกีฬาไทยจะเจอปัญหาอยู่ฝ่ายเดียว เพราะอย่างทีมฟุตบอลของ “กัมพูชา” ต้องรอนานกว่า 8-9 ชั่วโมงจึงจะเข้าห้องพักได้ โดยฝ่ายจัดการแข่งขันอ้างว่าทีมกัมพูชาเดินทางมาเร็วกว่าที่แจ้งไว้กว่า 10 ชั่วโมง ซึ่งนักกีฬาต้องไปนอนรอกันอยู่ในห้องประชุมส่วนตัวในโรงแรม

หรืออย่างนักกีฬา “พม่า” และ “ติมอร์เลสเต” ก็ต้องเจอกับรถบัสที่เล็กเกินไป เป็นต้น

หนักข้อที่สุดคือนักกีฬาเจ้าภาพเองก็เจอปัญหาด้วยเช่นกัน เพราะว่า “ฮาลีย์ ลอง” กองกลางสาวทีมชาติฟิลิปปินส์ ต้องระบายผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์กว่า ห้องพักของตัวเองไม่พร้อม แถมยังถูกจัดให้นอนห้องละ 5 คนด้วยซ้ำ

ซึ่งเอาจริงเรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับเจ้าภาพเอง เพราะในฐานะที่จัดการแข่งขันเอง ก็ควรจะทำให้นักกีฬาตัวเองสะดวกสบายมากที่สุด

ขณะที่เรื่องสนามแข่งขันเองก็มีปัญหาไม่น้อย อย่าง “ริซาล เมมโมเรียล สเตเดี้ยม” สังเวียนหลักของทีมฟุตบอลซีเกมส์ ก็ยังปรับปรุงไม่เรียบร้อยดี เพิ่งยกนั่งร้านออกก่อนวันที่ทำการแข่งขันวันแรก (25 พฤศจิกายน) เพียงไม่กี่ชั่วโมง

แถมยังเก็บงานไม่เรียบร้อยอีกด้วย

 

กับปัญหาเหล่านี้ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทาง “บิ๊กต้อม” “นายธนา ไชยประสิทธิ์” ในฐานะหัวหน้าคณะนักกีฬา ก็ยืนยันว่าได้ชี้แจงไปยังเจ้าภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยากให้เข้าใจว่าเมื่อมีการแจ้งปัญหาไปแล้ว คงจะมีการแก้ไขและสามารถดำเนินการได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามการแข่งขันไป

แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่น่าจะแก้ทันคือภาพลักษณ์ของประเทศฟิลิปปินส์ที่ออกมา เพราะจากการที่มีสื่อเริ่มเผยแพร่ภาพสนามซ้อม สนามแข่งต่างๆ ที่ยังทำไม่เรียบร้อย รวมถึงระบายการจัดการของเจ้าภาพที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่

ก็ทำให้เกิดแฮชแท็กว่า #seagamesfail ขึ้นมาแล้วด้วย

เรื่องนี้ได้มีโอกาสลองคุยกับผู้สื่อข่าวของฟิลิปปินส์ที่เจอกันในสนามฝึกซ้อม เขาก็ยอมรับโดยตรงว่าเขาบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะภูมิใจกับการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ของฟิลิปปินส์ดีหรือไม่

สิ่งหนึ่งที่ประชาชนทุกคนสงสัยคือรัฐบาลนั้นกำลังเล่นตลกอะไรอยู่ จึงปล่อยให้ความไม่พร้อมมันเป็นภาพออกมาชัดเจนได้ขนาดนี้

นักข่าวคนนี้ยังบอกอีกว่า จริงๆ แล้วชาวฟิลิปปินส์ให้ความสนใจกับการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้มากๆ ทุกคนพร้อมจะต้อนรับนักกีฬาที่เข้ามาแข่งขัน และโชว์ศักยภาพในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองของประเทศให้ดู ทั้งเรื่องอาหารการกิน, การท่องเที่ยว หรือบริการต่างๆ ก็ตาม เพื่ออยากให้ผู้ที่มามีความประทับใจ

ก่อนที่นักข่าวรายนี้จะบอกกับผมว่าในฐานะคนฟิลิปปินส์เองก็ต้องขอโทษด้วยที่ทุกอย่างมันดูไม่พร้อมขนาดนี้

ก็ได้แต่หวังว่าเมื่อถึงเวลาการแข่งขันจริงๆ เริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกอย่างจะเข้าระบบมากยิ่งขึ้น ปัญหาที่เจอมันจะลดน้อยลง

เพราะแม้ว่ามันจะเป็นเพียงการแข่งขันระดับภูมิภาค แต่กว่าประเทศฟิลิปปินส์จะได้มีโอกาสต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองแบบนี้อีกครั้ง มันอาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 10-20 ปีขึ้นไป

เชื่อว่าคนฟิลิปปินส์อยากเห็นรอยยิ้มของนักกีฬาที่เข้ามาแข่งขัน และกลับไปอย่างประทับใจ

ไม่ใช่กลับไปพร้อมเสียงก่นด่าอย่างแน่นอน