ณัฐวุฒิ ซัด! บิ๊กตู่ไม่สนวิธีได้อำนาจจนเจอศึกใน วันๆจ้องเตะตัดขากัน ทำศก.ทรุด-สภาก็ล่ม

‘ณัฐวุฒิ’ ชี้ เพราะ ‘บิ๊กตู่’ ต้นเหตุ รบ.บริหาร ศก.เหลว-งานสภาก็ล่ม อยากรักษาอำนาจ ยอมยกกระทรวงหลักๆ ให้ 3 พรรคร่วมจนทำงานไม่ได้ เตะตัดขากันเอง ชี้ พปชร.-ปชป.คือคู่แข่งตัวจริงของฝ่ายอนุรักษนิยม   

วันนี้ (29 พฤศจิกายน) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวในรายการ หัวใจไม่หยุดเต้น ep.15 ตอน เศรษฐกิจล่ม สภาก็ล่ม แล้วเรือแป๊ะล่ะ ? ใจความว่า “หลายคนในรัฐบาลนี้ พยายามเรียกร้องให้ฝ่ายค้านเลิกเล่นเกมการเมืองแล้วหันหน้ามาร่วมมือกันแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นรัฐบาลเองที่คิดแต่เรื่องการเมือง ทำแต่เรื่องรักษาอำนาจ จนประชาชนเสียโอกาส ประเทศจมอยู่ในห้วงวิกฤต เป็นไปได้อย่างไรที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า กลไกการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลที่คุมได้ มีเพียงขาเดียว คือกระทรวงการคลังเท่านั้น ซึ่งเป็นของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปรียบเทียบง่ายๆ ถ้าเราเป็นผู้โดยสารเครื่องบินในท่ามกลางพายุ ฝนตกฟ้าคะนอง ทัศนวิสัยวิกฤตเต็มที่แล้วอยู่ดีๆ นักบินคนหนึ่งประกาศว่า ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้สถานการณ์ภายนอกวิกฤตอย่างหนัก ขอให้ท่านสบายใจ ผมควบคุมเครื่องยนต์ไว้เพียงเครื่องเดียว ส่วนเครื่องยนต์อื่นๆ จะเป็นไง ผู้โดยสารไปถามนักบินคนอื่นๆ อีกที

“เพราะรัฐบาลนี้หน่วยงานเศรษฐกิจอื่นๆ อยู่ในความดูแลของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรี จนต้องแบ่งหน่วยงานเศรษฐกิจให้ 3 พรรคการเมืองกำกับดูแล และเมื่อทุกพรรคคิดถึงประโยชน์ทางการเมืองของตนเองเป็นหลัก การขับเคลื่อนเศรษฐกิจจึงขาดความเป็นเอกภาพจนไม่มีใครเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจได้ จึงต้องไปเอาคนที่ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นหัวหน้าทีม” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า สภาพความเป็นรัฐบาลจึงเป็นลักษณะตัวใครตัวมัน ต่างคนต่างเดิน ต่างคนต่างทำงาน และต่างคนต่างแทงข้างหลังกันอยู่ตลอดเวลา ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายค้านไม่ไว้วางใจ แต่รัฐบาลนั่นแหละที่ไม่ไว้ใจกันเอง พปชร.ก็ระแวงว่า ปชป.จะสร้างผลงานขี่คอแซงหน้า ปชป.ก็ต้องเตะตัดขา พปชร.ให้ได้มากที่สุด เพราะนี่คือคู่แข่งตัวจริงของพรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษนิยม ขณะที่ ภท.ก็ไม่พอใจ พปชร.เล่นเกมจะเอากระทรวงคมนาคมคืน แล้วก็ขบเหลี่ยมกับ ปชป.เรื่องแบน 3 สารพิษ เพราะคิดว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สังกัด ปชป.คือแม่งานสำคัญในการทำให้มีการกลับมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งกรณีดังกล่าว หากรัฐบาลคิดถึงประชาชนจริงๆ รัฐบาลจะชักเข้าชักออกแบบนี้ได้อย่างไร ต้องคุยกันให้จบ เดินไปให้ชัด การปล่อยไปแบบนี้ รัฐมนตรี 2 ฝ่ายที่รับผิดชอบซัดกันไม่เว้นแต่ละวันแบบนี้จะเรียกว่าคิดถึงประชาชนได้อย่างไร

นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ขณะที่เกมในสภาผู้แทนราษฎรก็เห็นชัดเจนแล้วว่า สิ่งที่เป็นปัญหา เพราะรัฐบาลคิดแต่ประโยชน์ทางการเมืองของตนเป็นที่ตั้ง สภาล่ม 2 วันติดต่อกันด้วยเหตุผลเดียว นั่นคือรัฐบาลต้องการลงคะแนนใหม่ หลังจากพ่ายแพ้มติในที่ประชุมเพื่อตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากคำสั่ง คสช.ตาม ม.44 ซึ่งจะไม่เป็นประเด็นเลยหากยอมรับความพ่ายแพ้ แล้วให้มีการตั้ง กมธ.ตามกระบวนการของสภา แต่เพราะเป็นเรื่อง ม.44 ที่สุ่มเสี่ยงจะกระทบต่อสถานะผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ จะกระทบต่อ คสช. จึงพยายามทุกวิถีทางให้มีการลงคะแนนใหม่ ทำให้ฝ่ายค้านไม่ยอมปัญหาเลยตามมา ขณะที่ กมธ.ป.ป.ช.ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็น กมธ.ที่โด่งดังที่สุดในรอบหลายปีของสภาผู้แทนราษฎร มีเรื่องราวให้วิพากษ์วิจารณ์กันไม่เว้นแต่ละวัน เป็นปัญหาแบบนี้ไม่มีอะไรมากมายไปกว่า พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ไม่ต้องการเข้าไปชี้แจงต่อ กมธ. เปรียบเทียบกับ ผบ.ทบ.ที่เมื่อ กมธ.เชิญไปชี้แจงเจ้าตัวก็ไป

“แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร แทนที่จะไป ส่งน้องเอ๋กับพี่สิเข้าไป จน กมธ.ไม่ได้ทำเนื้องานตรวจสอบทุจริตใดๆ ล่าสุด น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พปชร.ก็ลากเก้าอี้ไปนั่งติด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช. นี่ไม่ใช่พวกมากลากไป แต่เป็นการพูดมากลากไป จนมึนกันไปทั้งสภา สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การขัดขวางการทำงานของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แต่เป็นการทำลายกลไกการตรวจสอบทุจริตในสภาผู้แทนราษฎร ภายในรัฐบาลที่ กมธ.ป.ป.ช.ทำงานไม่ได้เลยแบบนี้ ผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเสียหาย ดังนั้น รัฐบาลเองนั่นแหละที่ต้องเลิกคิดแต่เรื่องการเมือง เลิกคิดแต่เรื่องรักษาอำนาจ แล้วหันมามีสมาธิกับการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนให้ได้เสียที ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ยอมรับข้อเท็จจริง สารภาพมาซะว่าตลอดอำนาจของ คสช.จนถึงรัฐบาลชุดนี้ ไม่มีขีดความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้” นายณัฐวุฒิกล่าว