อาชญากรรม | จากปมคดี ผู้พิพากษา”คณากร” สู่กรณีจันทบุรี และคำถามถึงมาตรการตรวจอาวุธพื้นที่ศาล

กลายเป็นประเด็นที่ถูกจับจ้องจากสังคมอย่างมาก สำหรับเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่ของศาลยุติธรรม

เพราะเพียงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาก็เกิดเรื่องราวความรุนแรงขึ้นหลากหลายกรณี

ทั้งการยิงตัวเองของผู้พิพากษาคณากร เพียรชนะ ที่ศาลจังหวัดยะลา ที่บอกสาเหตุไว้ในคำพิพากษา

และทิ้งวรรคทอง “คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน”

ถัดมาก็กรณีที่ผู้ต้องขังในคดียาเสพติดใช้อาวุธทำร้ายตำรวจศาลพัทยา แล้วหลบหนีไป

ต่อมาด้วยเหตุที่ศาลจันทบุรี ที่ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ นายตำรวจเกษียณพกปืนกราดยิงคู่กรณีจนเสียชีวิต 3 ราย

จึงเป็นเรื่องที่ศาลยุติธรรมจำเป็นต้องยกเครื่องเรื่องความปลอดภัย พร้อมสอบสวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร

ซึ่งล่าสุดก็ได้ข้อสรุปแล้วในบางกรณี

ก.ต.สรุปคดี “คณากร”

สําหรับกรณีของนายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา ที่ก่อเหตุยิงตัวเองภายในห้องพิจารณาคดี หลังอ่านคำพิพากษายกฟ้อง 5 จำเลยในคดีฆ่า 5 ศพ บันนังสตา จ.ยะลา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา

โดยให้เหตุผลว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำมายื่นฟ้องจำเลยทั้งห้านั้นไม่สามารถรับฟังได้ เนื่องจากถูกจัดทำขึ้นในสถานที่และระหว่างที่จำเลยทั้งห้าถูกควบคุมตัวตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษ เมื่อจำเลยทั้งห้านำสืบปฏิเสธบันทึกคำให้การดังกล่าว อ้างว่าเกิดจากการบังคับขู่เข็ญ ส่วนโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่น จึงไม่มีน้ำหนักรับฟัง

พร้อมเปิดเผยความกดดันในคำพิพากษา ระบุว่าถูกบุคคลกดดันให้เปลี่ยนคำพิพากษา จนไม่อาจที่จะทนได้อีกต่อไป

และทิ้งวรรคทองที่ว่า “คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน”

จนเกิดการตั้งคำถามกันอย่างกว้างขวางว่าการแทรกแซงคำพิพากษานั้นสามารถทำได้จริงหรือไม่เพียงใด

เป็นเหตุให้คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) มีมติเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ให้ตั้งอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมวิสามัญ ประกอบด้วย ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิ 3 คน เป็นอนุกรรมการวิสามัญดังนี้

1.นางวาสนา หงส์เจริญ ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิในชั้นศาลฎีกา เป็นประธานอนุกรรมการวิสามัญ 2.นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิในชั้นศาลอุทธรณ์ เป็นอนุกรรมการวิสามัญ 3.นายสุวิชา สุขเกษมหทัย ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญา ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิในชั้นศาลชั้นต้น เป็นอนุกรรมการวิสามัญ

กำหนดให้อนุกรรมการวิสามัญตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ และรายงานให้ ก.ต.ทราบภายใน 15 วัน

ต่อมาเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ในการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ครั้งที่ 16/2552 ที่ประชุมได้พิจารณาผลการรายงานสอบข้อเท็จจริงในกรณีของนายคณากร

โดยมีมติตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงนายคณากร ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มาตรา 68 คือเป็นกรณีที่ถูกกล่าวหาหรือมีกรณีเป็นที่สงสัยว่ากระทำผิดวินัย และมีมติให้นายคณากรไปช่วยทำงานชั่วคราวในกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ก่อนจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

นอกจากนี้ ที่ประชุม ก.ต.ยังมีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาและพัฒนาหลักเกณฑ์ แนวทาง และวิธีการตรวจร่างคำพิพากษาของภาค รวมทั้งมาตรการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่ามติ ก.ต.ครั้งนี้ไม่ได้ระบุผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าแทรกแซงสำนวนว่ามีการดำเนินการอย่างไรหรือไม่

เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป

เพิ่มกำลังคอร์ตมาร์แชล

ขณะที่เหตุการณ์ที่ศาลจังหวัดจันทบุรี ก.ต.ได้รับทราบการดำเนินการทางวินัยแก่เจ้าพนักงานตำรวจประจำศาลเป็นอำนาจโดยตรงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในฐานะต้นสังกัด

ส่วนพนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งสังกัดองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) นั้น สำนักงานศาลยุติธรรมมีหนังสือถึงองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกให้สั่งกำชับพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ประจำอยู่ที่ศาลยุติธรรมทั่วประเทศให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเคร่งครัด

และเรียกให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามข้อตกลงในสัญญาระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรมและองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกแล้ว

ด้านนายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ลงนามในคำสั่งด่วนที่สุด เรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยในบริเวณศาล ส่งเป็นหนังสือเวียนถึงหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรมให้ใช้เป็นแนวทาง

นอกจากนี้ ยังมีมติอนุมัติให้มีเจ้าพนักงานตำรวจศาลประจำทุกศาลทั่วประเทศ

โดยกำหนดกรอบอัตรากำลังจำนวน 1,180 คน ซึ่งเพิ่มขยายจาก 309 นาย โดยให้ดำเนินการในปีงบประมาณ 2563 ให้ครบตามกำหนด

ซึ่งจะดำเนินการเพิ่มอัตรากำลังคอร์ตมาร์แชลจำนวน 100 อัตราก่อนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 เมษายน 2563 ส่วนอื่นต้องเริ่มดำเนินการทันทีเช่นกันเพื่อให้เป็นไปตามกรอบที่วางไว้ โดยทางสำนักงานศาลจะขอแปรญัตติเรื่องงบประมาณที่เคยขอสำหรับตำรวจศาล 309 อัตรา แล้วไม่ได้รับการจัดสรร โดยสำนักงานศาลฯ จะของบประมาณจากรัฐบาลจำนวน 540 ล้านบาท

ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัยอื่นๆ สำนักงานศาลยุติธรรมจัดทำโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ โดยจะติดตั้งกล้องซีซีทีวีในห้องพิจารณาทั้งสิ้นจำนวน 2,112 ห้อง ใช้งบประมาณทั้งหมด 77 ล้านบาท

ขณะนี้ได้เริ่มติดตั้งไปแล้วในศาลจังหวัดนนทบุรี ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนนทบุรี และศาลแขวงนนทบุรี ซึ่งจะต้องแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2563 อย่างช้าจะต้องไม่เกินเดือนมีนาคม 2563 ส่วนกล้องวงจรปิดหน้าห้องพิจารณาต้องตรวจสอบว่าใช้งานได้หรือไม่ หากกล้องมีปัญหาต้องรีบซ่อมแซม

ไม่ให้เกิดเหตุอุกอาจเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก

เจออื้อ-พกอาวุธเข้าศาล

อย่างไรก็ตาม แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามเข้มงวด แต่ก็ยังมีเหตุลักลอบนำอาวุธเข้ามาภายในศาลยุติธรรม โดยเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่ สภ.บึงกาฬ พ.ต.อ.สมศักดิ์ คงไพบูลย์ รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ แถลงจับกุม ร.ต.ท.ปิยะ ยั่งยืน อายุ 64 ปี อดีตตำรวจตระเวนชายแดนที่ 244 พกปืนสั้นยี่ห้อซิกซาวเออร์ พี 320 ขนาด 9 ม.ม. และกระสุน 3 นัดในแม็กกาซีน โดยใส่ไว้ในกระเป๋าสะพาย ขณะเข้ามายื่นขอคัดสำเนาคำพิพากษาศาล คดี พ.ร.บ.ทหารของนายธนชัย อะโคตรมี หลานชาย

โดยศาลได้พิจารณาคดีทันที ซึ่ง ร.ต.ท.ปิยะรับสารภาพว่านำอาวุธปืนเข้ามาในศาลจริง เนื่องจากหลงลืม จึงตัดสินลงโทษจำคุก 4 เดือน แต่จำเลยรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 2 เดือน ไม่รอลงอาญา พร้อมดำเนินคดีกับ ร.ต.ท.ปิยะในข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกระทงหนึ่ง

นอกจากนี้ ที่ศาลจังหวัดปทุมธานี นายชัชวาล คงคีรี อายุ 55 ปี ที่เข้ามาติดต่อราชการที่ศาลที่เปิดทำการนอกเวลาทำการ เพื่อติดต่อขอประกันตัวผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตรวจค้นตัวหลังจากเครื่องตรวจอาวุธส่งสัญญาณ พบอาวุธมีดพับยาว 9 นิ้ว ซุกซ่อนในกระเป๋าสะพายที่นำติดตัวเข้ามา

จึงสั่งดำเนินคดีในความผิดละเมิดอำนาจศาล

ต่อมาวันที่ 18 พฤศจิกายน ศาลจังหวัดอ่างทองรายงานว่า ในช่วงเช้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยค้นตัวนายประสิทธิ์ วรรณโอสถ จำเลยในคดีทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส พบอาวุธมีดพับยาว 7.5 นิ้ว จึงตั้งสำนวนคดีละเมิดอำนาจศาล

ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกนายประสิทธิ์ 2 เดือน รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และให้นับโทษต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีเดิม และริบอาวุธมีดของกลาง

ไม่เพียงแค่นั้น ที่ศาลจังหวัดเกาะสมุย รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เวลา 11.00 น. ได้ตรวจพบอาวุธปืนสั้นชนิดลูกโม่ขนาด 357 ยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน ของนายนิติ สุบิน ทนายความ จึงตรวจยึดอาวุธปืนดังกล่าว

ศาลไต่สวนแล้วพิพากษาให้จำคุกผู้ถูกกล่าวหา มีกำหนด 2 เดือน โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และมีการดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่เจ้าหน้าที่ต้องเอาจริงเอาจัง

เพื่อให้ศาลยุติธรรมเป็นสถานที่ปลอดภัย

เป็นเสาหลักสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในเรื่องการอำนวยความยุติธรรมต่อไป