“ณัฐวุฒิ” จี้สภาฯ ลงมติเอกฉันท์ญัตติตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบคำสั่งคสช.

“ณัฐวุฒิ” จี้สภาฯ ลงมติเอกฉันท์ญัตติตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบประกาศ-คำสั่งคสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้าคสช.ตาม ม.44 พร้อม ดักคอพปชร.-ปชป.ถ้าเห็นด้วยปมแก้รธน. ก็ไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธญัตติ

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และอดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า ก่อนจะถึงญัตติขอให้สภาฯ ตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ประชุมสภาฯ มีวาระที่ต้องพิจารณาญัตติขอให้สภาฯ ตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการประกาศและคำสั่งของคสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 ทั้งนี้ ในฐานะประชาชน ตนขอเรียกร้องให้สภาฯ เห็นชอบญัตตินี้ เพราะตลอดช่วงเวลาของการใช้มาตรา 44 นอกจากขัดหลักนิติธรรมแล้ว ยังส่งผลกระทบทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยปราศจากความรับผิดชอบของบุคคลหรือองค์กรใด สภาฯ จากการเลือกตั้งจึงต้องแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชน ด้วยมติเอกฉันท์ให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการฯ เพราะหากไม่เห็นชอบเท่ากับยอมรับอำนาจนอกระบบ และจำนนต่อวงจรอุบาทว์ทางการเมืองที่เป็นเชื้อร้ายเกาะกินพัฒนาการของสังคมไทย

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า เชื่อว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะสนับสนุนญัตตินี้ ส่วนฝ่ายรัฐบาลสำคัญที่สุดคือพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ควรพิสูจน์ความจริงใจกับประชาชน ถ้าเห็นชอบเรื่องแก้รัฐธรรมนูญก็ไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธญัตติศึกษาผลกระทบจากมาตรา 44 เพราะสาระจากการศึกษาจะเป็นส่วนสำคัญที่ใช้ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป ไม่เช่นนั้นอาจถูกมองได้ว่า ท่าทีตอบรับแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเพียงฉากเข้าพระเข้านางที่ทั้ง 2 พรรคสวมบทบาทร่วมกัน พรรคพปชร. ได้เรื่องทำตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล พรรคปชป. ได้เรื่องเดินตามเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาล ส่วนประชาชนไม่ได้อะไร ทั้งนี้ เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน ถ้าพรรคพปชร. ยังเพิกเฉย พรรคปชป.ชิงธงนำก่อนได้ ประกาศให้ชัดว่าจะสนับสนุนญัตตินี้ ยืนยันหลักการประชาธิปไตย ปฏิเสธการใช้อำนาจเผด็จการ ยกเว้นจะสมประโยชน์หรือเป็นเด็กดีในโอวาทของคสช.เท่านั้น