วิเคราะห์ : คำเตือนถึงซัพพลายเชนอสังหาริมทรัพย์

หลายคนในวงการอสังหาริมทรัพย์และซัพพลายเชนที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ผู้รับเหมา ผู้ผลิตและค้าวัสดุก่อสร้าง รำพึงเสียงดังๆ ว่า ธุรกิจเศรษฐกิจเดินทางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

จุดที่ผู้บริโภคมีความเชื่อว่าอนาคตเศรษฐกิจจะแย่ลง รายได้ไม่แน่นอน ทำให้การตัดสินซื้อสินค้ามูลค่าสูงเช่นบ้านและคอนโดมิเนียม ถูกชะลอการตัดสินใจออกไป

หนักไปกว่านี้อีก เริ่มมีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยในตลาดคอนโดฯ เริ่มมีความเชื่อ ห้องชุดบางระดับราคาและบางทำเลที่มีปริมาณล้นตลาดมาก ราคาขายจะลดลงไปอีก

ปรากฏการณ์นี้หมายความว่า กำลังซื้อที่แท้จริงกำลังหดตัว

ไม่เพียงกำลังซื้อแบบลงทุนหรือเก็งกำไรที่หายไปจากตลาด ไม่มีเพียงมาตรการต่างๆ ของหน่วยงานรัฐที่ออกมาจำกัดกำลังซื้อทำให้กำลังซื้อหายไป แต่ตัวผู้บริโภคที่เป็นผู้ซื้อที่เป็น “เรียลดีมานด์” เองก็มีความเชื่อมั่นลดลง ทำให้กำลังซื้อหดตัวเข้าไปอีก

กลายเป็นแรงตีกลับสวนทางกับนโยบายอัดฉีดโปรโมชั่นต่างๆ ของรัฐบาลที่ออกมาในช่วงนี้

กระแสการหดตัวทางการค้าไม่ได้เกิดขึ้นกับฝั่งผู้ซื้อหรือดีมานด์ไซต์อย่างเดียว แต่ในฝั่งของซัพพลาย ที่เป็นซัพพลายเชนของธุรกิจอสังหาฯ ก็เริ่มมีการกระเพื่อมและมีความระมัดระวังตัวกันมากขึ้น

 

เร็วๆ นี้มีโอกาสไปร่วมงานชุมนุมผู้รับเหมาก่อสร้าง มีผู้รับเหมาหลายรายขยับตัวเพิ่มจำนวนงานรับเหมาจากหน่วยงานรัฐเพิ่มขึ้นทั้งที่หลายปีก่อนโน้นพยายามหลีกเลี่ยงการรับงานภาครัฐ

ด้วยมองแนวโน้มว่าจากนี้ไปงานภาคเอกชนการก่อสร้างโครงการต่างๆ จะน้อยลง ที่สำคัญเริ่มมีข่าวการจ่ายเงินงวดให้ผู้รับเหมาก่อสร้างไม่ตรงตามกำหนดเวลามากขึ้น ทำให้ผู้รับเหมาระมัดระวังการรับงานใหม่ๆ หรือเข้มงวดกับการรับงานมากขึ้น

สำหรับผู้ผลิตผู้ค้าวัสดุก่อสร้าง ณ ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลหรือรายงานข่าวโดยตรง แต่ก็เชื่อได้ว่า ถึงเวลานี้ส่วนใหญ่ระมัดระวังการปล่อยเครดิตกันแล้ว

ปรากฏการณ์นี้หมายความว่า เครดิตการค้าในซัพพลายเชนก็กำลังหดตัว

 

ไม่อยากตีตนไปก่อนไข้ด้วยข้อมูลเท่าที่มีว่า เศรษฐกิจประเทศได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว แต่สัญญาณที่ปรากฏมันบ่งบอกทิศทางเช่นนั้น

ถ้าเป็นนาฬิกา เข็มบอกเวลาน่าจะอยู่ที่มากกว่า 15.00 น.แล้ว

กลยุทธ์ธุรกิจเวลานี้มีอยู่ทิศทางเดียวคือ ตั้งรับ และถอย

เพราะถ้าความเชื่อมั่นในตลาดและเศรษฐกิจมาถึงจุดผู้ซื้อผู้บริโภค ความเชื่อมั่นหดหาย รอซื้อของถูก ธุรกิจที่เป็นซัพพลายเชนต่อเนื่องระมัดระวังการให้เครดิตหรือหดเครดิตลงแล้ว

จะเป็นงานยากที่ต้องใช้ความสามารถความพยายามสำหรับภาครัฐที่จะดึงความเชื่อมั่นกลับคืนมา ทำให้คนในระบบเศรษฐกิจเชื่อว่า ทุกอย่างจะดีขึ้น อนาคตจะดีขึ้น เพื่อให้คนส่วนใหญ่มั่นใจ เกิดการจับจ่ายใช้สอย เกิดการลงทุนใหม่ๆ

แต่ยังไงก็ต้องติดตามดูผลงานรัฐบาลในโครงการใช้จ่ายงบประมาณต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่าจะมีผลลัพธ์เป็นอย่างไร

สำหรับภาคธุรกิจเอกชน ทางที่ดีควรเตรียมกลยุทธ์ฝ่าวิกฤตเอาชีวิตธุรกิจรอดไว้ก่อนเป็นดีที่สุด