ซาอุฯจัดโชว์ซากโดรน-จรวด โจมตีโรงกลั่นน้ำมัน ลั่นฝีมืออิหร่าน

เมื่อวานนี้ (18 กันยายน 2562) เอพี รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่านจากกรณีการโจมตีโรงงานกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดของซาอุดีอาระเบีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกพุ่งสูง ว่า ซาอุดีอาระเบียเปิดแถลงข่าว แสดงหลักฐานเป็นขีปนาวุธนำวิถี และโดรน

พันเอก ตุรกี อัล-มาลิกี โฆษกกองทัพซาอุดีอาระเบีย เปิดการแถลงข่าวครั้งนี้ พร้อมแสดงซากโดรนและขีปนาวุธที่พบในจุดเกิดเหตุที่โรงกลั่นน้ำมันถูกถล่ม เพื่อย้ำว่า การโจมตีโรงน้ำมันครั้งนี้มีอิหร่านสนับสนุนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ไม่ได้กล่าวหาโดยตรงว่าการยิงอาวุธนี้มาจากพรมแดนของอิหร่าน

พันเอกอัลมาลิกี กล่าวว่า การโจมตีนี้มีโดรนทั้งหมด 18 ลำ ขีปนาวุธร่อน 7 อัน เป็นชนิดพิสัยทำการไกล 700 กิโลเมตร ดังนั้นเชื่อได้ว่า ไม่ได้ยิงมาจากประเทศเยเมน ตามที่กลุ่มกบฏฮูตี กล่าวอ้างอย่างแน่นอน

เกิดขึ้นระหว่างที่สหรัฐและซาอุฯ เดินเรื่องเข้าสู่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี เพื่อดำเนินการลงโทษอิหร่าน หลังสหรัฐอ้างข่าวกรองยืนยันว่าการโจมตีมาจากพื้นที่ในอิหร่าน ไม่ใช่ตามที่กลุ่มติดอาวุธนิกายชีอะห์ ฮูตี ในเยเมน ออกมาอ้างความรับผิดชอบ

นายไมก์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ เดินทางถึงกรุงริยาด ประเทศซาอุฯ เพื่อหารือกับทางการซาอุฯ ถึงรูปแบบการผนึกกำลังกันเพื่อตอบโต้อิหร่าน โดยสหรัฐยังคงยืนยันว่ามีหลักฐานว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นมานั้นมาจากอิหร่าน สร้างความหวาดวิตกให้หลายฝ่าย ว่าอาจทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายไปสู่การปะทะกันด้วยกำลังทหาร

ส่วน รัฐบาลอิหร่านส่งหนังสือทางการทูตถึงรัฐบาลสหรัฐอย่างเป็นทางการ ผ่านสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ ปฏิเสธความเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าว และขอประณามการใส่ร้ายอิหร่านของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี และนายไมก์ พอมเพโอ รมว.ต่างประเทศ

ประธานาธิบดีฮัสซัน เราฮานี ของอิหร่าน ยังให้ความเห็นว่า กลุ่มฮูตีโจมตีโรงกลั่นน้ำมันและทุ่งขุดเจาะบ่อน้ำมันของซาอุฯ คู่สงครามในสมรภูมิเยเมน เพื่อจะส่งสารถึงซาอุฯ ว่า ฮูตีไม่ได้ทำลายโรงเรียน โรงพยาบาล ไม่ได้ถล่มพระราชวัง แต่โจมตีอุตสาหกรรมของซาอุฯ เพื่อตักเตือนเท่านั้น

ส่วนรัฐบาลสหภาพยุโรปยังไม่ออกตัวปักใจเชื่อฝ่ายใด ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ประกาศจะส่งคณะผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนไปยังซาอุดีอาระเบีย เพื่อสืบหาต้นตอการโจมตีที่แท้จริง หลังโทรศัพท์หารือกับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุฯ