ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 กันยายน 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]
‘โตโยต้า มาเจสตี้’ แจ่มว้าว
ลั่นกลองรบศึก ‘รถตู้พรีเมียม’
ตลาดรถตู้โดยสารส่วนบุคคลร้อนฉ่าขึ้นทันทีเมื่อโตโยต้ากระโดดเข้าร่วมวงด้วยการส่ง “Majesty” (มาเจสตี้) แบบ 11 ที่นั่ง มาเขย่าตลาดเมืองไทย
แต่เดิมรถตู้ประเภทนี้ถูกผูกขาดโดย “ฮุนได เอช 1” เรียกว่าเห็นแต่รถรุ่นนี้วิ่งเกลื่อนถนน โดยเฉพาะต่างจังหวัดจะเห็นจนชินตา
แม้จะพอมีคู่แข่งในเซ็กเมนต์คล้ายๆ กันอยู่บ้าง แต่ราคาก็แพงกว่าหลายแสนบาท
ก่อนหน้านี้ “เอ็มจี” ส่ง “วี 80” มาร่วมแชร์ แต่เจาะกลุ่มลูกค้าต่ำกว่า “เอช 1” เพราะราคาเริ่มต้นไม่ถึง 1 ล้านบาท
ส่วนโตโยต้า จริงๆ แล้วก็มีรถตู้พรีเมียมเช่นกัน คือรุ่น “Ventury” (เวนจูรี่) แต่ที่ผ่านมาไม่ทำตลาดหนักนัก เพราะเน้นไปที่รุ่นธรรมดาคือคอมมิวเตอร์มากกว่า แถมรูปร่างหน้าตาของเวนจูรี่ แทบจะเป็นบล็อกเดียวกัน
ทำให้รถตู้เวนจูรี่ไม่แพร่หลายหรือได้รับความนิยมเท่าที่ควร
กระทั่งเมื่อ “มาเจสตี้” รถตู้พรีเมียมที่เข้ามาทำตลาดแทนรุ่น “Ventury” เผยโฉมออกมาสร้างความฮือฮาในทุกประเทศที่เปิดตัว เนื่องจากดูหรูหราและสวยหยดชนิดที่ไม่เห็นเค้าเดิมของเวนจูรี่เลย
แม้ราคาจะแรงกว่า “ฮุนได เอช 1” แต่ประมาทไม่ได้เช่นกัน เพราะพะยี่ห้อ “โตโยต้า” ได้เปรียบเรื่องชื่อชั้นและศูนย์บริการที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ แถมออปชั่นจัดเต็มสุดๆ
เชื่อว่าการมาถึงของมาเจสตี้ คงทำให้เจ้าตลาดต้องทำการบ้านหนักขึ้น
โตโยต้า มาเจสตี้ พัฒนาภายใต้แนวคิด “Luxury Mover” สร้างรถที่ให้ทั้งความสะดวกสบายและความหรูหราตลอดการเดินทาง
ด้านหน้าเปลี่ยนให้กระจังยื่นออกมาแทนของเดิมที่เป็นแบบหน้าตัด ทำให้ดูหรูหราขึ้นใกล้เคียงกับรถเอ็มพีวีอย่าง “อัลฟาร์ด” กระจังหน้าโครเมียมดีไซน์หรูหรา ไฟหน้าแบบ LED ปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ไฟตัดหมอก
ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ดูหรูหราเป็นลักษณะรูปตัวแอล
กระจกมองข้างพร้อมสัญญาณไฟเลี้ยว ล้ออัลลอย 17 นิ้ว
ประตูบานสไลด์อัตโนมัติ 2 ด้าน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ สามารถควบคุมได้จากที่นั่งคนขับ บันไดขึ้น-ลงกว้างขึ้น
ภายในแน่นอนว่าต้องเด่นที่สุดเพราะเป็นรถที่เน้นความสบายในการเดินทาง ความกว้างใหญ่หายห่วง ตกแต่งด้วยลายไม้ในหลายๆ จุด
พวงมาลัยหรูหราเป็นหนังผสมไม้ พร้อมปุ่มควบคุม
มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID ซึ่งหน้าจอตรงนี้หากใช้ระบบเนวิเกเตอร์จะแสดงที่จอนี้ด้วย นอกเหนือไปจากจอตรงกลางด้วย
ขยับมาตรงกลางเป็นหน้าจอ ระบบแอร์ และเกียร์ฝังอยู่ที่คอนโซลหน้าเช่นกัน
มีระบบทำความเย็นครบทุกที่นั่ง และควบคุมอุณหภูมิให้ความเย็นสบายตลอดการเดินทาง
เบาะนั่งมีทั้งสีดำ และสีครีม เป็นแบบ 4 แถว แถวแรก 3 ที่นั่ง แถว 2-3 แบบ 2 ที่นั่ง และแถวสุดท้าย 4 ที่นั่ง
การจัดที่นั่งแถวแรก 3 ที่นั่ง แต่จริงๆ ส่วนใหญ่คงนั่งกันแค่ 2 คนคือคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า เนื่องจากเพื่อให้รถคันนี้สามารถจดทะเบียนเป็นรถแบบ 11 ที่นั่งได้ ซึ่งภาษีต่างๆ จะถูกกว่า
ที่นั่งแถว 2 หรูเฟร่อเป็นแบบ Captain Seat ปรับนอนไฟฟ้าพร้อมที่รองขาปรับอัตโนมัติ มีระบบบริหารหลังไฟฟ้าเพิ่มความสำราญระหว่างเดินทางมากขึ้น
มีที่วางแก้วน้ำและช่องต่อ USB 7 ตำแหน่ง และไฟส่องสว่างไว้อ่านหนังสือเฉพาะที่ ลักษณะคล้ายๆ ไฟอ่านหนังสือบนเครื่องบินโดยสาร
มีทางเดินตรงกลางเชื่อมระหว่างที่นั่งแถว 2 ไปจนถึงด้านหลังสุด
ติดตั้งม่านบังแดดและไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร
เบาะนั่งแถวสุดท้ายที่เป็นแบบ 4 ที่นั่ง หากให้สบายหน่อยนั่งสัก 3 คนน่าจะกำลังเหมาะกว่า แต่สามารถพับเก็บแขวนด้านข้างเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้
เนื่องจากหากกางเบาะครบทั้ง 4 แถว ที่เก็บของด้านหลังค่อนข้างเล็กไปสักหน่อย
ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร บล็อกเดียวกับ “ฟอร์จูนเนอร์” ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,200 รอบ/นาที ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รองรับน้ำมันไบโอดีเซล B20
ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังแบบโฟร์ลิงก์คอยล์สปริง
ความปลอดภัยและสะดวกสบายจัดหนัก ถุงลมเสริมความปลอดภัย 9 ตำแหน่ง มีกล้องมองภาพรอบคัน ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน
นอกจากนี้ มีตัวช่วยเพื่อให้การขับขี่ง่ายขึ้น อาทิ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบป้องกันล้อล็อก ระบบเสริมแรงเบรก ไฟกะพริบเมื่อเบรกกะทันหัน
ระบบควบคุมเฟืองท้าย (Auto Limited Slip Difference)
รถรุ่นนี้ยังมีระบบเชื่อมต่อ “T-CONNECT TELEMATICS” แจ้งเตือนเมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากบริเวณที่กำหนด เช็กตำแหน่งรถผ่านแอพพลิเคชั่น ประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
เชื่อมต่อความบันเทิงออนไลน์ได้พร้อมกันสูงสุดถึง 9 อุปกรณ์ ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถถูกสตาร์ตหรือเคลื่อนที่
ช่วยค้นหาเส้นทางตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการจองร้านอาหารชั้นนำเพื่อความสะดวกสบาย
มีให้เลือก 2 สี สีขาวมุก White Pearl และสีดำ Black Mica
แบ่งออกเป็น 3 เกรด ประกอบด้วย
Grande ราคา 2,199,000 บาท
Premium ราคา 1,899,000 บาท
Standard ราคา 1,709,000 บาท