มุมมองของ ‘นิธิ เอียวศรีวงศ์’ พปชร.ไม่ใช่พรรคยืนยาว / พท.ต้องสลัดทักษิณ และอนาคตของอนาคตใหม่

“5ปีที่ผ่านมา สิ่งที่ประชาชนบ่นกันมากที่สุดคือ เศรษฐกิจพังพินาศหมด แต่ยังเอาทีมเศรษฐกิจเก่าเข้ามาทั้งหมด มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่คุณฟอร์มรัฐบาลแบบนี้ได้ แสดงว่าคุณไม่ได้แคร์พอที่จะสร้างความเชื่อมั่นอะไรให้ประชาชนเกิดความมั่นใจขึ้นมาเลย”

ศ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ แสดงความคิดเห็นกรณีโฉมหน้า ครม.ประยุทธ์ 2 โดยตั้งข้อสังเกตถึงการดึงเอาทีมเศรษฐกิจเก่าเข้ามา

อ.นิธิยกตัวอย่างเทียบเคียงในอดีตว่าคุณธารินทร์ นิมมานเหมินท์ ที่ไม่เคยถูกรัฐบาลไหนรวมถึงรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ กล้าแตะต้อง-พูดถึงตัวคุณธารินทร์อีกเลย ซึ่งเป็นผลพวงของการทำหน้าที่ในอดีต ไม่ต้องพูดถึงการเอามาเป็นคณะทำงาน แค่เสวนาด้วยเขาก็ยังไม่อยากจะเสวนาเลย

เช่นกัน สำหรับการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ปรากฏว่าคุณก็ยังยกทีมเก่ากลับมาทั้งหมด ซึ่งคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เองก็ไม่ได้มีอะไรใหม่ เขาก็พูดว่า เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้น ถามว่ามันจะดีขึ้นเพราะอะไร? เพราะเรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง? แล้วทำไมไม่เลือกตั้งแต่ 5 ปีก่อน มันเป็นเรื่องที่ตลกมาก

แล้วต่อให้คุณอุตตม สาวนายน ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องคดีใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าหากพวกคุณอยากจะเป็นรัฐบาลที่ยังแคร์ต่อการเลือกตั้งอยู่ คุณจะต้องคิดถึงการเลือกตั้งสมัยหน้า ผมเองก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมตัวคุณประยุทธ์ถึงได้คับแคบถึงขนาดนี้ คำถามคือ คุณสมคิดเป็นมือเศรษฐกิจที่ถูกยอมรับในหมู่นักเศรษฐศาสตร์ด้วยกันหรือไม่ อันนี้ผมไม่ตอบ คุณต้องไปถามเอาเอง

: มองพรรคพลังประชารัฐอย่างไร

ผมก็ยังเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นเพียง “เครื่องมือการต่อรอง” ไม่ใช่สิ่งที่จะอยู่ได้นานจริงๆ

เพราะถ้าจะอยู่นานจริง เขาจะสามารถต่อรองกับกลุ่มสามมิตรได้มากกว่านี้ ในที่สุดแล้ว คนที่คุณประยุทธ์คิดว่าไม่น่าจะเอาเข้ามา และในระยะแรกๆ ก็เคยปฏิเสธ ไม่ว่าจะเป็นการต่อว่านักการเมืองที่มีคดีความค้างอยู่ ในที่สุดก็ได้เข้ามาหลายคน โดยที่คุณประยุทธ์ต้องตัดสินใจเลือก พรรคก็ยอมรับเข้ามา

ปรากฏการณ์เหล่านี้มันก็แปลว่าเป็นพรรคเฉพาะกิจชัดเจน จากนี้ไปในช่วงที่คุณเป็นรัฐบาลหนนี้ กลุ่มสามมิตรหรือกลุ่มต่างๆ ในพรรคก็จะเรียกร้องเงื่อนไขต่างๆ ในทุกครั้งที่มีโอกาส

ยิ่งถ้าพูดเรื่อง “ความสงบ” โดยดูจากผลการเลือกตั้ง พรรคที่ไม่ได้พูดเรื่องความสงบ หรือใช้เป็นจุดขาย เขาชนะนะ ผมไม่แน่ใจว่าคนไทยส่วนใหญ่ต้องการความสงบหรือเปล่า

คำถามคือความสงบแปลว่าอะไร? แปลว่าต้องยอมมึง?

: มองเพื่อไทย-มองทักษิณอย่างไร

ผมยังหวังว่าถ้าคุณทักษิณมีโอกาสเข้ามาแทรกแซงในพรรคเพื่อไทยให้น้อยลงจะด้วยเหตุผลที่แกหมดใจ หรือหมดความเชื่อถือกับการเมืองแล้วสมาชิกพรรคเพื่อไทยเองก็พอมองเห็นว่าแกแกว่งไปแกว่งมาเพื่อประโยชน์ส่วนตัว

เช่น กรณีการเสนอชื่อแคนดิเดตของพรรคไทยรักษาชาติ ในขณะที่พรรคเพื่อไทยชูคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มันแปลได้ว่า เท่ากับว่าคุณหญิงสุดารัตน์ไม่ต้องมาเป็นก็ได้ เท่ากับว่า ที่คุณหญิงสุดารัตน์หาเสียงมาเกือบตายห่า ไม่มีความหมาย?

ซึ่งการพลิกไปพลิกมาอะไรก็ได้เพื่อประโยชน์ส่วนตน ทำให้ผมหวังว่าคนของพรรคเพื่อไทยจะเริ่มมองเห็นว่าถ้าคุณไม่ยืนบนขาตัวเองให้ได้ พวกคุณไปไม่รอด

ในขณะที่พรรคอนาคตใหม่เขาชี้ให้เห็นแล้วว่า “เงิน” ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด ในการประสบความสำเร็จของการเลือกตั้ง คนเหล่านี้ก็จะมีกำลังใจในการลุกขึ้นมาสู้เอง ยิ่งฐานเสียงที่คุณมีอยู่แล้ว ถ้าถึงจุดนั้นเมื่อไหร่ เพื่อไทยจะเป็นพรรคเดียวที่สามารถปรับตัวได้ดีที่สุด หากคุณก้าวข้ามทักษิณ หรือทักษิณหลบไปเอง เมื่อเทียบกับพรรคประชาธิปัตย์ ผมมองว่าพรรคนี้มีโอกาสปรับตัวยากมาก

คุณทักษิณเขาอาจจะเข้าใจว่าตัวเองมีกะลาที่ใหญ่มาก เคาะเมื่อไหร่เสียงก็ดัง มีฐานเสียงสนับสนุนของประชาชนอยู่จำนวนมาก

แต่ผมมองว่าคุณทักษิณไม่มีพันธะทางใจกับใครทั้งสิ้นในประเทศนี้ ที่สำคัญผมสังเกตว่าคุณหญิงสุดารัตน์เองก็มีอิทธิพลในพรรคสูงมาก และคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่คุณทักษิณเลือก และนี่เป็นสิ่งที่น่าสนใจ

ผมถึงบอกว่าพรรคเพื่อไทยสามารถเปลี่ยนได้

: มุมมองต่อพรรคอนาคตใหม่

ผมคิดว่าเขามีเดียงสาทางการเมืองมากกว่าที่ผมคิดแยะ

คุณต้องสังเกตว่า นอกจากธนาธร-ปิยบุตร หรือช่อ พรรณิการ์ แล้ว ลองดูการอภิปรายของอนาคตใหม่หลายคนน่าจับตามอง ว่าพวกเขามีอะไรบางอย่างในตัว ซึ่งผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเขาจะได้คนระดับนี้เข้ามาทำงานให้พรรค

ถ้าให้มองยาวถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ผมก็คิดว่าอนาคตใหม่น่าจะได้ ส.ส.มากกว่าเดิม จากผลการเลือกตั้งครั้งนี้ หลายคนคิดว่าสังคมไทยได้ก้าวพ้นไปจากการเมืองแบบเก่าๆ แล้ว

ผลที่เกิดขึ้นกับประชาธิปัตย์ มันเป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่า การเมืองเก่ามันผ่านไปแล้ว พรรคเพื่อไทยด้วยเช่นกันยิ่งต้องปรับตัว เพราะว่าพรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนจากทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย

แต่ถ้าเกิดวิกฤตหรือจะมีการ “เด็ดหัวแกนนำ” จัดการกับพรรคนี้ ผมมองว่าอายุของเขายังสั้นเกินไป หัวหน้าพรรค-แกนนำยังมีความสำคัญมาก ถ้าให้ประเมิน สมมุติว่าเกิดวิกฤตขึ้นกับพรรค ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยังไงต่อ อาจจะมีสมาชิกบางส่วนไปอยู่ในพรรคเพื่อไทย

แต่ก็นั่นแหละ ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าสมาชิกหลายสิบชีวิต จะยอมอยู่ในโอวาท หรือคิดต่างในพรรคได้? เพราะแกนกลางเพื่อไทยค่อนข้างแข็ง

ถึงกระนั้นกระบวนการยุติธรรม ว่า หากยิ่งทำให้เกิดคำถามในหมู่ประชาชนมากขึ้นเท่าไหร่นั่นก็จะเป็น “อันตราย”

: อ.เคยกล่าวไว้ว่า ‘คุณประยุทธ์’ ตลกเกินไปกว่าที่จะผดุงความศักดิ์สิทธิ์ของชนชั้นนำ?

ผมก็ยังมองเช่นนี้อยู่ เวลานี้กลุ่มเจ้าสัวทั้งหลาย เขาหากินกับรัฐบาลนี้โดยที่เขาไม่แคร์ เขาจะกินลูกเดียว แบบชนิดที่ไม่ต้องอับอาย ไม่ต้องบันยะบันยัง ทุกคนเปิบกัน แบบชนิดที่เรียกว่าไม่มีมารยาทกันหมดทั้งโต๊ะ

ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็คงมองเห็นประธานที่นั่งหัวโต๊ะเป็นตัวอะไร ผมก็คิดว่าเป็นตัวตลก ที่เปิดให้กินแบบนี้

ที่สำคัญคือบรรดานายทุน หรือเสี่ยทั้งหลาย เจ้าสัวต่างๆ ที่เรารู้จัก ไม่มีพรรคการเมืองใดสามารถเมินคนเหล่านี้ได้ 100% แบบที่พรรคอนาคตใหม่พยายามชูประเด็นนี้

แต่ผมเชื่อว่ายังมีวิธีที่จะนำไปสู่เป้าหมายเดียวกับอนาคตใหม่ได้ โดยที่ไม่ต้องลำหักลำโค่นเท่า

: ปัจจัยที่ทำให้ประยุทธ์ 2 อยู่ได้-อยู่ยาว?

ให้ตัดเรื่องการรัฐประหารตัวเองหรือคนอื่นรัฐประหารออกไปก่อน เพราะกองทัพไม่มีเหตุใดที่จะล้มรัฐบาลนี้ ยกเว้นมีเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หรือมีอะไรที่ดีกว่าประยุทธ์

ที่ผ่านมาในช่วง 5 ปี กองทัพได้อะไรต่างๆ มาก เงินเดือนเพิ่ม ยังไม่นับเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์อีก แต่ที่ทหารรับปากไม่ได้เรื่องรัฐประหาร เพราะการรัฐประหารทุกครั้งไม่ใช่ว่าทหารทำฝ่ายเดียว กรณีนี้หลายคนเข้าใจผิดกันมากๆ รัฐประหารยิ่งในช่วงหลังๆ ชัดว่าคุณต้องอาศัยความร่วมมือจากชนชั้นนำหลายกลุ่มมากๆ

ฉะนั้น วิธีการที่คุณประยุทธ์จะใช้ คือช่องทางที่มีในรัฐธรรมนูญในการที่ให้ ส.ว.มาร่วมโหวต ในกรณีที่ตัวเองไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองจะทำ จะผ่านหรือไม่ ผมมองว่าเป็นการวางแผนมาตั้งแต่ต้นในรัฐธรรมนูญแล้ว เขาจะใช้ช่องทางนี้แน่ๆ เช่น พ.ร.บ.งบประมาณ (ก็เขียนให้เป็นการปฏิรูป) ก็จะใช้วิธีเอาเสียง ส.ว.เข้ามาถม แต่ก็แล้วแต่ว่าสังคมจะยอมรับวิธีแบบนี้ได้มากแค่ไหน คุณจะใช้วิธีต่อไปอีกสักกี่ครั้ง

สมัยหนึ่ง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เขาใช้วิธีหลายชั้นเชิงมาก ไม่ใช่เพียงวิธีเดียว เช่น จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ใช้ชั้นเชิงต่างๆ ฉะนั้น คุณต้องคิดเผื่อหลายสเต็ป

: อนาคตของอนุรักษนิยม?

ประเทศไทยไม่เคยมีพรรคอนุรักษ์จริงๆ เป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาด ว่าอนุรักษ์ไทยไม่รู้จะอนุรักษ์อะไร แค่เริ่มต้นมันก็ยุ่งแล้ว เพราะไม่ชัดตั้งแต่แรก การตั้งพรรคการเมืองก็เป็นเรื่องที่ลำบาก แม้แต่เรื่องการแต่งกายพื้นเมือง หรือการใช้ภาษาถิ่นที่ถกเถียงกันนี้ก็ยิ่งเป็นการสะท้อนความยากจนของอนุรักษนิยมไทย แต่ความยากจนในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเขาโง่ แต่หมายถึงความยากจน ที่เขาคิดว่าตัวเองสามารถคุมคนได้ผ่านอำนาจทางวัฒนธรรมและอำนาจทางดิบคือกองทัพก็เลยทำให้เขาคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องสร้างมวลชนคนรุ่นใหม่ซึ่งก็ต้องเห็นใจเขาเหมือนกันเพราะมันสร้างยากพอสมควร

สุดท้ายผมยังมองสังคมอย่างมีความหวัง และผมไม่เชื่อว่าสังคมไหนจะหยุดนิ่งอยู่กับที่มันเป็นไปไม่ได้ ผมคิดว่าสังคมมันเปลี่ยนไปมากแล้ว

ที่เราไปมองภาพน่ากลัวเกินไป เช่น กลุ่มทุนจับมือกันแน่นก็ไม่จริงเสมอไป มันมีกลุ่มทุนที่ถูกเขี่ยออกมาจากเมืองอำนาจจำนวนไม่น้อย

ทหารก็เช่นเดียวกันยังมีกลุ่มทหารที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการของ พล.อ.ประยุทธ์ก็มีอีก ซึ่งผมมองว่าหลัง 2475 เป็นต้นมาผมยังไม่เคยเห็นกองทัพไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเลย

แต่ในชั่วอายุคนไทยปัจจุบันนี้เราเคยนองเลือดกันมา ทั้งนองเลือดฟรี นองเลือดแล้วไม่เกิดอะไรขึ้น ผมคิดว่าคนไทยฉลาดขึ้น ว่า การจะเปลี่ยนอะไรเฉพาะหน้านองเลือดไม่เกิดผล

แต่คนไทยยังคิดไม่ออก ว่าทางออกใดที่จะเกิดผลในเวลานี้ โดยที่ไม่ต้องแห่กันออกไปให้เขายิง แล้วต่อให้เราชนะก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น

ชมคลิป “นิธิวิพากษ์การเมืองไทย” ได้ที่