จรัญ พงษ์จีน : “ประชุมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา” เกมส์อุ่นเครื่องรัฐบาล-ฝ่ายค้าน

จรัญ พงษ์จีน

ผ่านพ้นไปแล้ว กับการประชุมร่วมของ “รัฐสภา” ครั้งที่ 3-4 ระหว่างวันที่ 25-26 กรกฎาคม มีวาระการประชุมที่สำคัญยิ่งคือ “คณะรัฐมนตรี” แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เป็นไฟต์บังคับตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ 2560

ก่อนหน้านี้เว็บไซต์สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เผยแพร่คำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี รัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” มีทั้งสิ้น 66 หน้า เป็นนโยบายหลัก 12 ด้าน เป็นทิศทางการบริหารของรัฐบาล “ตู่ 2/1” ที่วางโปรแกรมไว้ใน 4 ปีข้างหน้า

1. การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์

2. การสร้างความมั่นคงและความปรองดองของประเทศและความสงบสุขของประเทศ

3. การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม

4. การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก

5. การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย

6. การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค

7. การพัฒนาสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก

8. การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย

9. การพัฒนาระบบสาธารณสุขและหลักประกันทางสังคม

10. การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

11. การปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ

12. การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบและกระบวนการยุติธรรม

ขณะที่ “นโยบายเร่งด่วน” ซึ่งไม่ได้กำหนดกรอบเวลา วางธงไว้ 12 ด้านเช่นเดียวกัน อาทิ การแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน การปรับปรุงระบบสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน มาตรการเศรษฐกิจเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก

การช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม การยกระดับศักยภาพของแรงงาน การเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21

ทั้ง “นโยบายหลัก 12 ด้าน” และ “นโยบายเร่งด่วน 12 ประการ” เมื่อสำรวจแก่นสารแล้ว ปรากฏว่าไม่มีข้อหนึ่งข้อใดเป็นไปตามที่ “พรรคพลังประชารัฐ” แกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้ป่าวประกาศไว้ตอนหาเสียงสัญญากับสังคมเลย

ไม่ว่าจะการประกันราคาสินค้าเกษตรทั้งข้าวและยางพารา

ค่าแรงขั้นต่ำ ประกาศไว้เสียงดังฟังชัดว่า ต้องปรับตัวเป็น 400-425 บาท/วัน เงินเดือนผู้จบปริญญาตรีเริ่มสตาร์ตที่ 2 หมื่นบาทต่อเดือน เงินเดือนผู้จบระดับอาชีวศึกษา 1.8 หมื่นบาทต่อเดือน

ผู้สูงอายุ เพิ่มเบี้ยเป็น 1,000 บาท/เดือน ขยายเวลาเกษียณอายุราชการเป็น 63 ปี

“มารดาประชารัฐ” แค่ตั้งท้องรับเลยเดือนละ 3 พันบาท ค่าคลอด 1 หมื่นบาท ค่าดูแลบุตร-ธิดา 2 พันบาทต่อเดือน ตั้งแต่เกิดจนอายุครบ 6 ปี

ขณะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับเจ้าปัญหา ขนาดว่า “ผู้เขียน” ยังเหยียบเมฆหายต๋อมไร้ร่องรอย ที่เป็นเงื่อนไขซึ่ง “พรรคประชาธิปัตย์” ตั้งไว้ก่อนเข้าร่วมผสมกับรัฐบาล

ปรากฏว่า “ม่อยกระรอก” ไม่ได้บรรจุอยู่ในนโยบายหนึ่งหรือสอง

“หมกเม็ด” กันบูดไว้นิดหน่อยในข้อ 12 “การสนับสนุนให้มีการศึกษา การรับฟังความเห็นของประชาชนและการดำเนินการเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ” โดยไม่ได้บ่งบอกว่า ชาตินี้หรือชาติหน้า

สรุป ต้นสายและปลายเหตุ ที่รัฐบาล “ตู่ภาค 2/1” นโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา เนื้อหาสาระ รูปร่างหน้าตา ออกมาขี้เหร่ ระดับปิ่มใจจะขาดนั้น “หนึ่งคือ” ไม่ให้น้ำหนักกับกระแสสังคม ที่สัญญาไว้ตอนหาเสียง นกแก้วนกขุนทอง เข้าตำรา ปากมีไว้พูด ตูดมีไว้ตด

กับอีกด้านหนึ่งคือ ไม่มีอะไรขาย ขาดมันสมอง มือสำคัญเขียนนโยบาย เลยออกมาหน้าตาบอกบุญไม่รับ

 

ขณะที่นโยบายที่แถลงต่อ “รัฐสภา” ไม่ค่อยให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาว ไม่ค่อยมีสาระ เป็นสับปะรดขลุ่ยสักเท่าไหร่ ในทางกลับกัน งานการเมือง ด้าน “ตัวบุคคล” กลับโฟกัสเทน้ำหนักไปมากกว่า เป็นตรรกะแปลกๆ เชิงบริหาร

“พรรค พปชร.” แกนนำรัฐบาล ปิดเขาใหญ่จัดงานเคาบอย เคาเกิร์ล ละลายพฤติกรรมมวลสมาชิก หมายผนึกหิน ดิน ทราย เป็นเนื้อเดียวกัน

แทนที่จะระดมมันสมองสองมือ เพื่อนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา ดันขบผิดเหลี่ยม ไปตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็ว เป็น 20 องครักษ์ เพื่อปกป้องบรรดาเสนาบดีที่จะถูกฝ่ายค้านกล่าวพาดพิง หรือแฉโพยในช่วงแถลงนโยบาย

“พปชร.” ประเมินสถานการณ์ว่า “พี่น้อง 3 ป.” ที่ประกอบด้วย “ป.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี “ป.ป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และ “ป.ป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

น่าจะโดนฝ่ายค้านล็อกเป้า รุมทอดกฐินสามัคคีแน่นอน เนื่องจาก “พี่น้องทั้งสาม” เท้าเพิ่งแตะขอบจอประชาธิปไตย ไม่ค่อยสันทัดกับการพูดจาผ่านไมค์

เหนือสิ่งอื่นใดคือ อยู่กองทัพ ในสนามรบเรียงลำดับไหล่ตามชั้นยศ ไม่มีใครกล้าหือกล้าอือ

แต่เวทีการเมือง เหรียญคนละด้าน พวกอีโก้จัด เด็กๆ อวดฉลาดมีเยอะ “3 ป.” โดนเข้าไปดอกสองดอก แล้วเก็บอาการไม่อยู่ น็อตหลุดกลางอากาศ “หน่วยเคลื่อนที่เร็ว” จะคอยทำหน้าที่องครักษ์ “โรเตชั่น” ขึ้นมาขัดจังหวะ กวนปีกเป็นรายๆ ไป

อย่างไรก็ตาม มีข่าวคลุกวงในว่า ในส่วนของพรรคฝ่ายค้านร่วม ซึ่งมีอยู่ 7 พรรค รู้เขารู้เรา ช่วงชำแหละนโยบายที่รัฐบาลจะแถลงต่อรัฐสภา จะใช้เวลาอันจำกัดจำเขี่ยที่โควต้าซึ่งแต่ละพรรคได้รับ

โชว์ลีลา ยืดเส้นยืดสาย ถลุงนโยบายเพียวๆ จะไม่แตะต้อง “ตัวบุคคล”

อาจจะเฉียดๆ สีข้าง “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” บ้างพอหอมปากหอมคอ

เพราะอภิปรายไป ปืนลั่นถูกแสกหน้าใคร ตามรัฐธรรมนูญก็ไม่มีความหมาย ว่าจะล้มกระดานใครได้

เก็บกระสุน ข้อมูลที่เป็นทีเด็ดซุกหีบเอาไว้ก่อน

ซักซ้อมหน้ากระจก ทำการบ้าน เอาไว้ “เผาจริง” ตอนเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม

“อดใจรออีกนิด จะได้ดูชมของดี”