รายงานพิเศษ / เปิดขุนพลสนามไชย ‘ทีมตู่’ ส่องชั้น 4 ‘ทีมป้อม’ มองเกมพยัคฆ์เฒ่า แม่ทัพ พปชร. แง้มบันทึก ‘บิ๊กแดง’ กับโผทหาร วัดบารมี ‘บิ๊กตู่’

รายงานพิเศษ

 

เปิดขุนพลสนามไชย ‘ทีมตู่’

ส่องชั้น 4 ‘ทีมป้อม’

มองเกมพยัคฆ์เฒ่า แม่ทัพ พปชร.

แง้มบันทึก ‘บิ๊กแดง’

กับโผทหาร วัดบารมี ‘บิ๊กตู่’

ฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายทหารเริ่มขึ้นแล้ว…และจะเป็นการโยกย้ายครั้งแรกของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ควบเก้าอี้ รมว.กลาโหมด้วย

แม้จะรู้กันดีว่า บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พี่ใหญ่สายบูรพาพยัคฆ์ จะยังคงมีบทบาทในการดูแลกองทัพ ประหนึ่ง รมว.กลาโหม ต่อไปก็ตามที

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็จะเป็นผู้ตัดสินใจในท้ายที่สุด หากเกิดปัญหาความไม่ลงตัว

ผบ.เหล่าทัพได้หารือโผทหารกับ พล.อ.ประวิตรไปแล้ว ในระหว่างที่ร่วมประเพณีทานอาหารเช้าทุกวันศุกร์ ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดฯ ใน ร.1 รอ. เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

โดย พล.อ.ประวิตรมอบให้บิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เป็นคนดูแลเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา

แต่ พล.อ.ประยุทธ์จะปิดห้องหารือวงเล็กกับ ผบ.เหล่าทัพ ในวันที่เข้ากระทรวงกลาโหมวันแรก 30 กรกฎาคมนี้ เพราะมีกำหนดที่จะส่งโผภายใน 15 สิงหาคมนี้แล้ว

คาดว่ามีหลายตำแหน่งที่อาจไม่จบได้ในระดับ พล.อ.ประวิตร แต่ต้องถึงมือ พล.อ.ประยุทธ์

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ (ขวา) พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ (ซ้าย)
พล.อ.ปริพัฒน์ ผลาสินธุ์

โดยเฉพาะการวางตัวบิ๊กทหารที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนต่อไป หลังจากที่บิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เกษียณราชการกันยายน 2563

ด้วยเพราะ พล.อ.พรพิพัฒน์ก็ต้องการให้ “คนใน” กองทัพไทย ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด เช่นที่ 6 คนที่ผ่านมา

แต่เพราะโผนี้มีข่าวว่า บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. จะผลักดันบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ที่เพิ่งขึ้นพลเอก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. เมื่อโยกย้ายเมษายนที่ผ่านมา ให้ข้ามมาเป็นเสนาธิการทหาร เพื่อจ่อเป็น ผบ.สส.ในปีหน้า

พล.อ.เฉลิมพลถือเป็นความหวังของทหารม้า และเตรียมทหารรุ่น 21 ในการขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของกองทัพไทย เพื่อหลีกทางให้บิ๊กบี้ พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ แม่ทัพภาคที่ 1 ที่มีสัญญาณพิเศษชัดเจน ให้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.อภิรัชต์ ในปลายปีหน้า

พล.อ.เฉลิมพลมีอายุราชการถึงกันยายน 2566 และเป็นนายทหาร “คอแดง” และเป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 และถือว่าเป็นเพื่อนสนิทรุ่นติดกันอีกคนหนึ่งของ พล.อ.อภิรัชต์เลยทีเดียว

แต่ พล.อ.พรพิพัฒน์มีทั้งบิ๊กเบิร์ด พล.อ.ปริพัฒน์ ผลาสินธุ์ รอง เสธ.ทหาร เตรียมทหาร 20 รุ่นเดียวกับ พล.อ.อภิรัชต์ และบิ๊กแขก พล.อ.นเรนทร์ สิริภูบาล ผบ.สปท. เตรียมทหาร 21 ที่จ่อจะขึ้นเสนาธิการทหาร เพื่อเตรียมเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนในคนต่อไป

ที่ต้องรอดูว่า พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จะแก้ปัญหานี้เพราะ พล.อ.ปริพัฒน์เกษียณกันยายน 2564 ส่วน พล.อ.นเรนทร์เกษียณกันยายน 2565 ส่วน พล.อ.เฉลิมพลเกษียณกันยายน 2566

หรือการวางตัว ผบ.ทร.คนใหม่ ที่บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. เล็งบิ๊กแก๋ง พล.ร.ท.สิทธิพร มาศเกษม ผบ.ทัพเรือภาคที่ 3 ไว้ว่าจะให้ขึ้นพลเรือเอก ใน 5 ฉลามทัพเรือ เพื่อจ่อชิง ผบ.ทร.ในโยกย้ายกันยายน 2563

แต่ในเตรียมทหารรุ่น 20 มีคนเก่งหลายคน ที่มีทั้งผลงาน ความรู้ความสามารถ อาวุโสและความชอบธรรม ทั้งบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน เสธ.ทร. บิ๊กโต้ง พล.ร.ท.ไกรศรี เกสร รอง เสธ.ทร. และ ตท.19 อย่างบิ๊กช่อ พล.ร.อ.ช่อฉัตร กระเทศ ที่ปรึกษาพิเศษ ทร. ที่ก็คงมีการวัดพลังกันอยู่บ้าง และคงต้องถึงมือ พล.อ.ประยุทธ์

พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน

เมื่อกระทรวงกลาโหมก็ปรับเปลี่ยนเจ้ากระทรวงปืนใหญ่ใหม่ แถมเป็น พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีที่ควบ รมว.กลาโหมเองเสียด้วย จึงต้องมีการเปลี่ยนทีมใหม่

ทีมงานหน้าห้อง พล.อ.ประวิตร ครึ่งหนึ่งก็ย้ายไปช่วยงานที่ทำเนียบ โดยมีบิ๊กโอ๋ พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ อดีตที่ปรึกษา สบ10 สตช. มือปราบค้ามนุษย์ ที่ พล.อ.ประวิตรชื่นชมอย่างมาก ที่มีส่วนทำให้ไทยหลุดจาก Tier 2 Watch list มาเป็นหัวหน้าทีม ถือเป็นการชดเชยที่พลาดตำแหน่งสำคัญของตำรวจ เพราะ พล.อ.ประวิตรมีน้องรักสีกากีหลายคน จนต้องย้ายจาก สตช.มาป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักเลขาธิการนายกฯ เมื่อปีที่แล้ว

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ ยังเป็นเตรียมทหาร 16 รุ่นเดียวกับ พล.อ.ชัยชาญ รมช.กลาโหม มือขวาบิ๊กป้อม รวมทั้งบิ๊กจุก พล.อ.อ.ถาวร มณีพฤกษ์ ส.ว. และอดีตรอง ผบ.สส. ที่เคยเป็นหัวหน้าทีมงาน รมว.กลาโหมมาตลอด 5 ปียุค คสช. และรุ่นเดียวกับบรรดาองคมนตรี ทั้งบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท อดีต ผบ.ทบ. บิ๊กจอม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง อดีต ผบ.ทอ. บิ๊กนิค พล.ร.อ.พงษ์เทพ หนูเทศ และบิ๊กเป็ด พล.ร.อ.ปวิตร รุจิรเทศ ผอ.ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทานฯ

โดยยังมีทีมฝ่ายทหารที่นำโดยบิ๊กจิ๋ม พล.อ.สุชาติ ผ่องพุฒิ อดีตเจ้ากรมสื่อสารทหารบก และ พล.อ.อำนาจ รอดสวัสดิ์ อดีต ผอ.อผศ. ร่วมทีมด้วย

ส่วนบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 6 ที่เคยเป็นทีมที่ปรึกษา รมว.กลาโหม นำโดยบิ๊กอ๊อด พล.อ.อมรฤทธิ์ แพทย์เจริญ หัวหน้าสำนักงาน ก็ไปช่วยงานที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดฯ ใน ร.1 รอ.

หลายคนก็อาศัยโอกาสนี้ วางมือเกษียณราชการจริงๆ

พล.ร.ท.สิทธิพร มาศเกษม

ท่ามกลางการจับตามองว่า พล.อ.ประวิตรจะเดินเกมการเมืองในฐานะหัวหอกพี่น้อง 3 ป.แห่งอดีต คสช.ต่อไปอย่างไร หลังจากที่เปิดหน้า เปิดตัว ไปร่วมงานสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ท่ามกลางกระแสข่าวที่จะเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค และอาจเป็นหัวหน้าพรรคด้วยตนเอง หาก พล.อ.ประยุทธ์เปลี่ยนใจ

โดยหลังเสร็จสิ้นศึกอภิปรายนโยบายรัฐบาลแล้ว พล.อ.ประวิตรจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และจะเข้าไปเป็นกรรมการบริหารพรรคในไม่ช้า หลังจากที่มีบทบาทอยู่เงียบๆ ในพรรคมาตลอด ตั้งแต่ตั้งพรรค จนสู้ศึกเลือกตั้ง และมาถึงการจัดตั้งรัฐบาล

จนทำให้เกิดประเพณีแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ทานข้าวเช้า พบปะกับ พล.อ.ประวิตรที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ใน ร.1 รอ. ทุกเช้าวันพฤหัสฯ มาระยะหนึ่งแล้ว

นี่จึงกลายเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ พล.อ.ประวิตรรับแค่ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเก้าอี้เดียว ไม่ได้ควบ รมว.กลาโหม แต่มาคุมพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้กลมเกลียว ไม่แตกแยกเป็นก๊วนจนสร้างปัญหาให้รัฐบาล รวมทั้งทำให้รัฐบาลนี้อยู่ให้ถึง 4 ปี โดยไม่ต้องสนใจเสียงปริ่มน้ำ

อันสะท้อนว่า ทีมทหารเสือราชินี พยัคฆ์เฒ่า 3 ป.พี่น้อง จะลงสู่สมรภูมิการเมืองแบบเต็มตัว ไม่ใช่แค่เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่จะสู้ศึกเลือกตั้งท้องถิ่น เพื่อปูทางสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไป เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ครบเทอม 4 ปี และต่ออีก 4 ปี

พล.อ.ประยุทธ์จึงเข้ามาสอดรับด้วยการควบ รมว.กลาโหมด้วยตนเอง ที่ไม่ใช่แค่ทำให้ภาพของนายกรัฐมนตรีดูแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการคุมกองทัพ คุมทหารด้วยตนเอง

 

พล.อ.ประยุทธ์ที่ประเดิมเข้ากระทรวงกลาโหมครั้งแรก หลังจากที่เป็น รมว.กลาโหม เช้าตรู่ 30 กรกฎาคม 2562 ก็นัดแนะที่จะพบปะหารือวงเล็กกับ ผบ.เหล่าทัพ เรื่องแนวทางการทำงาน ที่คงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก เพราะรู้จัก รู้ใจ รู้แนวกันมาอยู่แล้ว และหารือการจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ที่ ผบ.เหล่าทัพได้จัดกันมาระยะหนึ่งแล้ว

แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์เลือกเข้ากระทรวงกลาโหมในวันเดียวกับการประชุม ครม. ที่ทำให้ยังไม่มีเวลาในการประชุมหารือใดๆ มากนัก จนทำให้เกิดคำถามว่า ถือเคล็ด ถือฤกษ์ใดหรือไม่ ที่จะต้องเข้ากลาโหมเช้าตรู่วันอังคารนั้น

ตามธรรมเนียม จะต้องสักการะศาลหลักเมือง และเข้ามาบวงสรวงศาลเจ้าพ่อหอกลองที่สนามหญ้า และขึ้นไปไหว้เจ้าพ่อหอกลองที่ด้านบน รวมทั้งพระราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 สองจุด รวมทั้งสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ และเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี

แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นการทำงานของทีมงาน รมว.กลาโหมชุดใหม่ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับคำแนะนำจากบิ๊กทหารที่สนิทสนมหลายคน เลือกคนดี มีความสามารถและไว้วางใจได้มาทำงานให้

พล.อ.สุชาติ หนองบัว

โดยเลือก พล.อ.สุชาติ หนองบัว นายทหารรุ่นน้องเตรียมทหาร 15 ที่เคยทำงานด้วยกันตอน พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. และดูแลงานด้านกำลังพลมาตลอด มาเป็นเลขานุการ รมว.กลาโหม

พล.อ.สุชาติเติบโตมาในสายกำลังพล และเคยเป็นเจ้ากรมกำลังพลทหารบก ผู้ช่วย เสธ.ทบ. ฝ่ายกำลังพล และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ.

เมื่อรัฐประหารปี 2557 แล้ว ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และเป็นรองหัวหน้าฝ่ายกิจกรรมพิเศษของ คสช. และเป็น บอร์ดการเคหะแห่งชาติ

และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับบิ๊กเบี้ยว พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข ประธานบอร์ด อสมท. ที่เป็นมือทำงานด้านยุทธการและการต่างประเทศ ให้ พล.อ.ประยุทธ์มาตลอด

รวมทั้งบิ๊กต๊อก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี และอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช. และเป็นมือทำงานใน คสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ และบิ๊กเต้ พล.อ.อ.ภักดี แสงชูโต ผช.ราชเลขาธิการในพระองค์ฯ

นอกจากนั้น ยังมีบิ๊กหนู พล.อ.ศักดา เนียมคำ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. และอดีต ผบ.ศปป.หมายเลข 5 กอ.รมน. ดูแลการแก้ปัญหาความไม่สงบชายแดนภาคใต้ และเป็นนายทหารม้า แห่งเตรียมทหาร 20 มาเป็นหัวหน้าสำนักงาน รมว.กลาโหม นั่งประจำที่กลาโหม ดูแลงานต่างๆ และประสานงานกับทีมตึกไทยคู่ฟ้า ที่ยังมี 2 นายกฯ น้อย อย่าง เสธ.เก๋ พล.ต.ณัฐวุฒิ ภาสุวณิชยพงศ์ และ เสธ.มิตต์ พล.ต.นิมิตต์ สุวรรณรัฐ ที่มีตำแหน่งเป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหมอยู่แล้ว และนั่งช่วยทำงานที่ทำเนียบ

พล.อ.ศักดา เนียมคำ

พล.อ.ศักดาเป็นเตรียมทหารรุ่น 20 เพื่อนร่วมรุ่นของ พล.อ.อภิรัชต์ และบิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. และถือเป็นรุ่นที่กำลังขึ้นมารับการผ่องถ่ายอำนาจในทุกเหล่าทัพ ต่อจาก ตท.18 ที่กำลังจะเกษียณราชการ

พล.อ.ศักดาไปเรียนชั้นนายพัน เหล่าทหารม้าที่ออสเตรเลีย เคยเป็น ผบ.ม.4 รอ. สระบุรี และไปขึ้นชายแดน เป็น ผบ.ฉก.ม.4 รอ. กองกำลังผาเมือง และเคยเป็น ผบ.ม.1 รอ. ขุมกำลังปฏิวัติของทหารม้า และเคยเป็นรอง ผบ.พล.ม.2 รอ.

และถือเป็นนายทหารม้าเช่นเดียวกับบิ๊กอ้อ พล.อ.วิลาส อรุณศรี อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อนรัก ตท.12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ด้วยนั่นเอง

การเลือกเตรียมทหาร 20 มาเป็นหัวหน้าสำนักงาน รมว.กลาโหม ก็สะท้อนถึงบทบาทที่สำคัญของ พล.อ.อภิรัชต์ แกนนำ ตท.20 ที่ได้ชื่อว่า เป็นสายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์และเป็น ผบ.ทบ.ที่มีสถานภาพพิเศษ ตำแหน่งพิเศษ และถูกมองว่า จะยิ่งมีน้ำหนักและเสียงดังมากขึ้นในกองทัพ

จนถึงขั้นที่เกิดกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์นั่งควบ รมว.กลาโหมชั่วคราว เพื่อรอ พล.อ.อภิรัชต์เกษียณราชการกันยายน 2563 ให้เป็น รมว.กลาโหมต่อ

 

ท่ามกลางการจับตามองบทบาทของ พล.อ.อภิรัชต์ นับจากนี้จะเป็นองครักษ์พิทักษ์บิ๊กตู่ และเป็นกองหนุนที่เป็นแบ๊กอัพให้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.อภิรัชต์จะประกาศเป็นครั้งแรกหลังมีรัฐบาลใหม่ว่า กองทัพเป็นกลไกหนึ่งของรัฐบาล ยิ่งนายกฯ เป็น รมว.กลาโหม ก็ถือว่าเป็นไปตามสายการบังคับบัญชา Chain of Command

สำทับด้วยท่าทีของผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่มีการประชุม ผบ.เหล่าทัพ และคณะผู้บัญชาการทหาร (ผบช.ทหาร) เป็นครั้งแรกในรัฐบาลใหม่ นำโดย พล.อ.พรพิพัฒน์ ที่ปิดห้องหารือวงเล็ก คณะ ผบช.ทหาร ที่มีทั้ง พล.อ.อภิรัชต์ พล.ร.อ.ลือชัย บิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผบ.ทอ. และบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และมีบิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหม ในฐานะที่ปรึกษาคณะผู้บัญชาการทหาร

และไม่ใช่เรื่องเกินคาดใดๆ ที่ ผบ.เหล่าทัพชุดนี้เป็นอดีต คสช. จะประกาศยืนยันจุดยืนเดิม ที่จะสนับสนุนและเป็นเครื่องมือของรัฐบาล และปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

“พวกเราต้องเป็นปึกแผ่น เหนียวแน่น ครบทีม และช่วยกันดูแลบ้านเมือง” นั่นคือคำสัญญาของ ผบ.เหล่าทัพ

 

ขณะที่ พล.อ.อภิรัชต์ที่แม้จะเคยประกาศว่าจะลดบทบาททางการเมือง ไม่ให้สัมภาษณ์ ไม่พูดประเด็นการเมือง แต่ก็ยังคงจับจ้องความเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมืองอยู่อย่างไม่กะพริบตา

ถึงขั้นที่ทำให้ พล.อ.อภิรัชต์นั่งเขียนบทความเชิงวิเคราะห์เปรียบเทียบ คล้ายๆ วิทยานิพนธ์ฉบับย่อ ที่เป็นเสมือนบันทึกความคิด และประสบการณ์ในทางการเมืองที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน และเล็งเป้าไปที่นักการเมืองอย่างน้อย 2 คน ที่ดูจะเป็นต้นเหตุแห่งปัญหาบ้านเมือง ตั้งแต่ในอดีต จน ปัจจุบัน

“ผมเขียนมา 2 สัปดาห์แล้ว วิทยานิพนธ์ บทความ เขียนเสร็จเมื่อไหร่ ผมจะเชิญทุกสื่อมา หรือไม่ก็แจกจ่ายให้อ่าน” พล.อ.อภิรัชต์กล่าว

ทั้งนี้ มีข่าวว่า พล.อ.อภิรัชต์ตั้งใจจะเขียนไม่เกิน 4-5 หน้า เป็นแค่ส่วนหนึ่งของซีรี่ส์ทั้งหมด ที่จะทยอยเขียนออกมาก่อน เพื่อหวังเตือนสติประชาชน

ไม่แค่นั้น ในด้านกองทัพ พล.อ.อภิรัชต์ยังคงอุดช่องโหว่ เสริมภูมิคุ้มกันทางการเมืองให้กับทหารในกองทัพ ด้วยการทำให้เป็นทหารรุ่นใหม่

ทั้งการสั่งปรับหลักสูตร รร.นายร้อย จปร.ใหม่ ด้วยการเสริมให้เรียนหลักสูตรภาคภาษาอังกฤษ นำร่องก่อน 2 ห้อง และให้ตั้งกองไซเบอร์เพื่อให้นักเรียนที่มีความรู้และสนใจด้านไซเบอร์ มาฝึกอบรมด้าน Cyber Warfare หวังสร้างนายทหารที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี เป็นผู้นำ กรุยทางการฝึกศึกษาต่อต่างประเทศ และมาถ่ายทอดต่อ

รวมถึงการปรับเปลี่ยนหลักนิยมทางทหาร เพื่อรับมือ Complex War และ Hybrid War ให้เข้ากับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ ที่ พล.อ.อภิรัชต์เคยเขียนตำรานี้ขึ้น เมื่อครั้งเป็นแม่ทัพภาคที่ 1

 

พร้อมทั้งเดินหน้าปรับโครงสร้างกองทัพ ในระดับกองพลทหารราบใหม่ โดยใช้กองพลทหารราบน้อยของสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย เป็นต้นแบบ

โดยเริ่มที่ พล.ร.11 ที่ พล.อ.อภิรัชต์ได้จัดซื้อรถเกราะ Stryker ผ่านระบบความช่วยเหลือทางทหาร FMS จากสหรัฐอเมริกา เข้าประจำการ 60 คัน ในเดือนกันยายนนี้ และจะส่งทหารไปฝึก ทั้งการขับ การใช้อาวุธ การซ่อมบำรุง ในเดือนสิงหาคมนี้ จำนวน 30 นาย เพื่อนำมาถ่ายทอดต่อ

ทั้งนี้ พล.ร.11 จากที่เคยเป็นกองพลสนับสนุนการรบ ได้ถูกแปรสภาพมาเป็นกองพลรบ แทน พล.1 รอ. ที่ถูกย้ายโอนไปขึ้นกับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 (ทม.รอ. 904)

โดยส่วนหนึ่งเป็นไอเดียของ พล.อ.ประยุทธ์เมื่อครั้งที่เป็น ผบ.ทบ. แล้วไปดูงานที่ Fort Benning สหรัฐอเมริกา ก็ได้บอกกับ พล.อ.อภิรัชต์ให้ปรับโครงสร้างหน่วยระดับกองพลทหารราบ ให้มีขนาดเล็กลง มีลักษณะของ Combat Team หรือ Battalion Combat ให้มีอาวุธที่หลากหลาย และมีความอ่อนตัวเมื่อต้องทำการรบ

 

ที่สำคัญอีกเรื่องคือ บรรดานักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) หรือนักเรียน ร.ด.รักษาดินแดน ที่ถือเป็นคนรุ่นใหม่ แต่กลายเป็นเหยื่อโซเชียลให้หลงเชื่อพรรคการเมืองบางพรรค

มีการให้ข้อมูลในด้านลบของทหาร บทบาทกองทัพในประวัติศาสตร์ การปฏิวัติรัฐประหาร แต่ไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2552-2553 ที่มีการเผาบ้านเผาเมือง เผาศาลากลาง จนทำให้ทหารต้องออกมาดูแลความสงบเรียบร้อย แต่ประวัติศาสตร์ด้านนี้เยาวชนคนรุ่นใหม่ไม่รับรู้

พล.อ.อภิรัชต์ที่เดินสายพบปะนักศึกษาวิชาทหารในแต่ละภาค เพื่อหยั่งเชิงความคิดและทัศนคติ แม้บางครั้งจะถูกเด็กๆ ถามเชิงตำหนิ แต่ พล.อ.อภิรัชต์ก็ชี้แจง แต่ก็ต้องแปลกใจที่เยาวชนเหล่านี้ไม่รับรู้ว่าเคยเกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่าเผาบ้านเผาเมือง ที่ตอนนั้นพวกเขายังเด็กๆ กันอยู่

พล.อ.อภิรัชต์ให้ความสำคัญกับ นศท.ที่ ทบ.ฝึกให้ปีละ 3 แสนคน จึงสั่งให้ปรับหลักสูตร ไม่ต้องฝึกมาก แต่ให้มีการถ่ายทอดอบรมเรื่องประวัติศาสตร์ สร้างความรักชาติ

โดยให้ผ่อนคลายเรื่องกฎระเบียบ การแต่งกาย ที่หัวเข็มขัด รองเท้า ไม่ต้องเงาวับ ผมทรงนักเรียน ไม่ต้องเกรียนข้างขาวแบบทหาร เพราะไม่ใช่ทหาร หรือนักเรียนทหาร เพื่อหวังให้เยาวชนมีทัศนคติที่ดีต่อกองทัพ ต่อทหาร

ที่แม้จะเปลี่ยนความคิด ความเชื่อ ความชอบของเยาวชนคนรุ่นใหม่ไม่ได้เสียทีเดียว แต่อย่างน้อย พล.อ.อภิรัชต์ก็ต้องการป้อนข้อมูลอีกด้านหนึ่งเข้าไปคะคานกันบ้าง

เรียกได้ว่า นอกจากรอจังหวะที่จะออกมาแสดงบทบู๊ ส่งสัญญาณถึงนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามบิ๊กตู่แล้ว พล.อ.อภิรัชต์ก็ยังเดินเกมการเมืองเงียบๆ เพื่อใช้กลไกในกองทัพสลายความแข็งแกร่งของฝ่ายการเมืองไปพร้อมๆ กันด้วย

พล.อ.ประยุทธ์เล่นบทพระเอกไป…ส่วน พล.อ.อภิรัชต์ก็เล่นบทผู้ช่วยพระเอก…แบบไม่ต้องมองตาใดๆ เพราะรู้ใจกันอยู่แล้ว