เผยแพร่ |
---|
‘ลดาวัลลิ์’ ชี้ ‘ประยุทธ์’ เสี่ยงละเมิดสิทธิมนุษยชน โอนอำนาจ คสช.ให้ กอ.รมน.เรียกปรับทัศนคติ
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีให้ข่าว ปฏิเสธว่า กอ.รมน.ไม่ได้เรียกบุคคลมาปรับทัศนคติ เหมือนกับ คสช.นั้นไม่เป็นความจริง จากการตรวจสอบพบว่า หัวหน้า คสช.ได้ออก คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 51/2560 เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นมา โดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 คำสั่งฉบับนี้กำหนดให้มีคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และให้มีคณะกรรมการในระดับจังหวัด มีอำนาจหน้าที่ประการหนึ่งคือ “เชิญเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลใด มาให้ข้อมูล หรือจัดส่งข้อมูลพร้อมหลักฐานประกอบ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการของคณะกรรมการ” ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 2551 มีวัตถุประสงค์เพื่อมิให้บุคคลก่อให้เกิดความไม่สงบ หรือกระทบความมั่นคงของรัฐ
นางลดาวัลลิ์กล่าวว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาในยุค คสช.นั้น มีนักการเมือง นักศึกษา ประชาชน นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย สื่อสารมวลชน ฯลฯ ถูกเรียกตัวให้ไปพบเจ้าหน้าที่รัฐ และควบคุมตัวไว้ รวมทั้งการพูดจาหว่านล้อม ข่มขู่ ให้หยุดการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ที่เรียกกันว่า “ปรับทัศนคติ” คำสั่งที่ให้อำนาจ กอ.รมน.ก็ไม่แตกต่างกัน การระบุไว้ในคำสั่งที่อ้างเรื่องความไม่สงบ หรือความมั่นคงของรัฐ ก็เป็นข้ออ้างที่ใช้มานานแล้วในยุค คสช.ที่ถือเอาว่าตัวเองคือประเทศชาติหรือรัฐบาล ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงไม่ใช่ อีกทั้งการแสดงออกทางการพูดการกระทำของบุคคลที่มีความเห็นแตกต่างจากรัฐบาล เป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน หรือสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการรับรองในรัฐธรรมนูญและปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้ออ้างนี้ย่อมครอบคลุมไปถึง ส.ส.ด้วย หาก กอ.รมน.เห็นว่าการพูดและการแสดงออกนั้นก่อให้เกิดผลกระทบต่อรัฐบาล ทั้งๆ ที่ ส.ส.ทำหน้าที่ควบคุมตรวจสอบรัฐบาล
นางลดาวัลลิ์กล่าวอีกว่า คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 51/2560 ที่สามารถเรียกบุคคลมาพบและให้ข้อมูลนั้น กระบวนการออกคำสั่งเกิดขึ้นในยุค คสช. ไม่ได้ผ่านกระบวนการตรากฎหมาย ตามหลักประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น ยังถือเป็นมรดก คสช.ที่กระทบสิทธิเสรีภาพประชาชน ซึ่งพรรคฝ่ายค้านและประชาชนผู้รักประชาธิปไตยจะต้องผลักดันให้มีการยกเลิกโดยเร็วต่อไป
มติชนออนไลน์