อุรุดา โควินท์ / อาหารไม่เคยโดดเดี่ยว : แกงหยวกรับฝน

ได้ฝนแรก ฟ้าของเชียงรายก็ใส ฝุ่นยังไม่ถึงกับหมดไป แต่อากาศดีขึ้นมาก หายใจเต็มปอด ไม่ต้องใส่หน้ากาก และไม่ร้อนเท่าสัปดาห์ก่อน

40 องศา เป็นอุณหภูมิที่ชาวเชียงรายไม่เคยเจอ เราต่างพร้อมใจกันเปิดแอร์สู้ความร้อน ซึ่งควรจะชนะ แต่กลายเป็นว่า เราเจอปัญหาไฟตกเกือบทั้งเชียงราย มีเงินซื้อแอร์ มีเงินจ่ายค่าไฟ ก็ยังต้องทนร้อน สี่ทุ่มคอมเพรสเซอร์แอร์ห้องนอนจึงจะทำงาน เรียกช่างแอร์มาดู ช่างว่า แอร์ไม่เสียหรอกพี่ แต่ไฟไม่มี ของพี่ยังดี เปิดได้ตอนสี่ทุ่ม แถวบ้านผมต้องหลังเที่ยงคืน

เรารอดสองสัปดาห์นั้นมาได้โดยแอร์ไม่พัง ต้องขอบคุณความอดทนของตัวเอง และได้แต่หวังว่าการไฟฟ้าเชียงรายจะพิจารณาการจ่ายไฟให้สอดคล้องกับค่าไฟที่เพิ่มขึ้นทุกปี

ไม่แปลกที่ชาวเชียงรายเฝ้ารอฝน ราวกับรอการกลับมาของคนรัก ฝนหนักครั้งแรกเปลี่ยนอากาศได้จริง ไม่ใช่แค่เราที่รับรู้ ต้นไม้ใบหญ้าต่างขานรับน้ำฝน

 

เช้านี้ฉันจึงได้ยินเสียงเครื่องตัดหญ้ารอบบ้าน ทั้งเสียงจากที่ดินผืนหลังบ้าน และเสียงเครื่องตัดหญ้าในบ้านแม่ แม่คงบอกให้คนเฝ้าสวนของน้องสาวมาตัด ซึ่งอาจเร็วไปหน่อย หญ้ายังไม่ค่อยรก แต่ก็ดีเหมือนกัน จะได้เห็นหญ้างอกใหม่ในฤดูฝน

เสียงเครื่องตัดหญ้าเงียบลง ได้ยินเสียงฝีเท้าขึ้นเรือนมา พร้อมเสียงเรียก “พี่ครับ พี่”

น้องสองคนที่มาตัดหญ้านั่นเอง หน้าดูซีดๆ ชอบกล

“มีอะไรเหรอ” ฉันถาม

“ผมเผลอตัดกล้วยไปต้นหนึ่ง ยายต้องเดือดร้อนแน่เลย” สายตาของเขาคล้ายจะถามฉัน เอายังไงดีครับ

ตัดกล้วยไม่ใช่เรื่องใหญ่ เดี๋ยวมันก็งอกใหม่ แต่กับแม่นั้น ถ้าบอกให้ตัดหญ้า ต้องตัดแต่หญ้า เช่นเดียวกับที่บอกให้รดน้ำต้นไม้หนึ่งชั่วโมงครึ่ง คนปฏิบัติหน้าที่ต้องทำตามนั้น ห้ามขาด ห้ามเกิน

กับการรดน้ำต้นไม้ แม่จะจับเวลา และกับการตัดหญ้า แม่จะมาตรวจตรา ไม่มีอะไรรอดพ้นสายตาของผู้ตัดสิน

ฉันหัวเราะ-เสียงหัวเราะที่ไร้ความหมาย

เราควรจะรู้สึกอย่างไรหรือ กับคนที่เข้มงวดกับผู้อื่นเสมอ เราควรปฏิบัติตัวอย่างไร กับคนที่ไม่เข้าใจอุปสรรคและปัญหาของคนอื่น ที่สำคัญ เราควรจะคุยกับคนที่เคยเป็นครู และยังคิดว่าตัวเองเป็นครูอยู่ตลอดเวลาเช่นไร เพื่อให้เขารู้ว่า มนุษย์เกิดมาพร้อมความผิดพลาด ไม่ใช่ความถูกต้องสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความถูกต้องในแบบของเขา

มองหน้าซีดๆ ของน้อง แล้วพอเห็นหนทางแก้ไข ฉันหยิบเงินออกจากกระเป๋า “ไปตลาดเด่นห้า ซื้อซี่โครงหมูมาให้พี่กิโลหนึ่ง ชะอมสองมัด แล้วก็มะเขือเทศลูกเล็กจานหนึ่งนะ พี่จะทำแกงหยวก”

น้องคนหนึ่งทำหน้างงๆ อีกคนที่ทำงานกับแม่มานานกว่ายิ้มกว้าง

“ถ้ายายถาม ก็บอกว่าพี่อยากได้หยวก ให้เอาลงต้นหนึ่ง เดี๋ยวพอพี่แกงเสร็จ มาเอาแกงไปให้ยายด้วย”

สองคนจึงแยกย้ายกันอย่างโล่งใจ คนหนึ่งไปตัดกล้วยเป็นท่อน ลอกเอาแต่หยวกอ่อนข้างในมาให้ฉัน อีกคนไปตลาด

 

ฉันเดินไปเก็บใบชะพลูซึ่งงอกงามรับฝน อืม…จะว่าไป ดูเหมือนทุกอย่างลงตัวเหมาะเจาะสำหรับแกงหยวก รวมทั้งอากาศที่ค่อนข้างชื้นในวันนี้ด้วย

เพิ่งสิบโมงกว่า เราต้องใช้เวลาเคี่ยวกระดูกสักหน่อย น่าจะพอดีกับมื้อเที่ยง กินแกงหยวกกับไข่เจียวร้อนๆ น้องสองคนคงมีแรงตัดหญ้าตอนบ่าย ส่วนแม่ เมื่อพบว่าเด็กตัดต้นกล้วย ก็คงไม่รู้จะดุอย่างไร ถ้าแม่กินแกงหยวกเป็นมื้อกลางวันเหมือนเรา

ฉันต้องทำแกงหยวกให้อร่อยอย่างปฏิเสธไม่ได้

เริ่มต้นด้วยพริกแกง ใช้พริกแห้งตำกับกระเทียม ตะไคร้ และเกลือทะเล ตำให้แหลก แล้วค่อยใส่หัวหอมจำนวนมาก หัวหอมจะทำให้น้ำแกงหวานกลมกล่อม โดยไม่ต้องอาศัยผงปรุงรส ตำต่อให้เข้ากัน จากนั้นก็เติมกะปิดีหนึ่งช้อนโต๊ะ

ได้ซี่โครงมาฉันรีบล้าง ใส่น้ำท่วม แล้วตั้งไฟแรง ครั้นน้ำเดือด ก็ลดไฟลง ให้กลายเป็นไฟอ่อน แล้วจับเวลา 40 นาที

เด็ดชะอม หั่นมะเขือเทศ ฉีกใบชะพลู แล้วก็ถึงคราวหยวก หยวกที่มาเป็นท่อนยาวนั้น ฉันตัดให้สั้นราวครึ่งฝามือ ก่อนหั่นให้เป็นท่อนเล็กๆ แช่น้ำไว้

ที่เหลือคือรอเวลา ฉันมองท้องฟ้า ภาวนาให้ฝนตก แน่ใจว่าสายฝนจะช่วยให้แกงหยวกอร่อยขึ้น

เรามาอยู่ในบ้านที่มีพื้นที่เยอะขนาดนี้ได้อย่างไร ฉันคิด ระหว่างจิบกาแฟรอซี่โครงเปื่อย

ปีที่แล้ว ฉันยังอยู่ในทาวน์เฮาส์ที่แทบจะไม่มีพื้นดิน ตอนนี้ฉันอยู่บนที่ดินหนึ่งไร่เศษ ที่ซึ่งมีใบไม้ให้กวาด มีหญ้าให้ตัด มีแตนมาทำรัง มีปลวกมาเยี่ยม มีกิ่งไม้ที่วันดีคืนดีหักโครมลงหลังคา

ไม่มีอะไรได้เปล่า อยู่ในพื้นที่กว้าง หมายถึงเรามีงานล้นมือให้ทำ หรือไม่ เราก็ต้องจ้างคนทำ ซึ่งเราเลือกอย่างแรก เพราะเรายังมีแรง และเราอยากรู้-เราจะอยู่บนพื้นที่นี้ได้หรือไม่ โดยไม่ใช้แรงงานเพิ่ม

 

ฉันเดินกลับมาในครัว เร่งไฟ ใส่น้ำพริกแกงลงหม้อ ตามด้วยมะเขือเทศ และหยวก ซึ่งถือเป็นผลผลิตจากที่ดิน รอหยวกสุก ฉันเติมน้ำปลา ตัดน้ำตาลทรายนิดหน่อย ใส่ชะอม และใบชะพลูฉีก ชิมให้ได้รสเผ็ดนิดเค็มหน่อย มีเปรี้ยวอย่างนุ่มนวลของมะเขือเทศเป็นฉากหลัง

ตักใส่ถ้วยใหญ่ให้น้องสองคน ถ้วยเล็กให้แม่ หยวกเป็นวัตถุดิบไม่มีราคา ไม่มีรส แต่คุณสมบัติพิเศษของหยวก คือเมื่อสุกจะซึมซับน้ำแกงไว้อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าแกงอะไร หากน้ำแกงอร่อย หยวกย่อมอร่อย ในวงเล็บว่า ต้องเป็นหยวกอ่อน

เพราะความอ่อนนุ่มเท่านั้น ที่สามารถซึมซาบปรับเปลี่ยน หาใช่ความแข็งกระด้าง