วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร /สถานการณ์ สร้างเอี้ยก่วย (194)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

สถานการณ์ สร้างเอี้ยก่วย (194)

 

ในทางส่วนรวม การเข้าร่วมปฏิบัติการของเอี้ยก่วยครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความพ่ายแพ้ให้แก่ทัพมองโกลอย่างยับเยิน ไม่เพียงแต่ต้องสูญเสียข่านผู้มากด้วยบทบาท หากแต่ยังทำให้แผนยึดเมืองเซียงหยางต้องล้มเหลวอย่างไม่เป็นขบวน

กุบไลข่านจึงตัดสินใจถอนทัพ

ขณะที่ในทางส่วนตัวก็ได้มีส่วนอย่างสำคัญในการช่วยชีวิตก๊วยเซียง ธิดาคนเล็กของก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง ซึ่งมีบทบาทอย่างสำคัญในการต้านยันทัพมองโกล

อย่าได้แปลกใจเมื่อก๊วยเจ๋งนำทัพกลับถึงหน้ากำแพงเมืองเซียงหยาง ข้าหลวงใหญ่ลื่อบุ้นเต็กก็นำทหารคนสนิทตั้งแถวรอต้อนรับตั้งแต่แรก ย่ำกลอง รัวม้าฬ่อเป็นการใหญ่ ชาวเมืองก็หนุนเนื่องกันออกมาตั้งโต๊ะบูชาจุดธูปเทียนกราบไหว้

ก๊วยเจ๋งจูงมือเอี้ยก่วยรับสุราที่ราษฎรเสนอให้ส่งต่อให้เอี้ยก่วย

“ก่วยยี้ วันนี้เจ้าประกอบความดีความชอบใหญ่หลวง มิเพียงแต่สร้างชื่อเลื่องระบือทั่วแผ่นดิน ทหารและพลเรือนทั่วทั้งเมืองล้วนสำนึกในพระคุณ”

เอี้ยก่วยบังเกิดความตื้นตันใจ

“ก๊วยแป๊ะแปะ ผู้หลานเมื่อเยาว์วัย หากมิใช่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากท่าน ไหนเลยมีทุกวันนี้”

 

ที่แล้วมาคนทั้ง 2 ล้วนซุกงำทุกเรื่องราวไว้ในใจ ไม่กล่าววาจาสำนึกบุญคุณคิดตอบแทน ยามนี้ดื่มสุราด้วยกัน 3 ถ้วย วีรบุรุษแห่งยุค 2 คนตีแผ่ความรู้สึกในใจออกมา รู้สึกว่าชีวิตคนดำเนินถึงขั้นนี้ยังมุ่งมาดปรารถนาใดอีกเล่า

ทั้ง 2 จูงมือกันเข้าเมือง ได้ยินทหารและพลเรือนที่ตั้งแถวอยู่ 2 ข้างทางเปล่งเสียงโห่ร้อง

เอี้ยก่วยพลันฉุกคิด “เมื่อ 20 กว่าปีก่อนก๊วยแป๊ะแปะก็จูงมือเราเช่นนี้ส่งเราขึ้นสู่ตำแหน่งเต้งเอี้ยง ภูเขาจงน้ำเพื่อกราบอาจารย์ร่ำเรียนวิชาฝีมือ ก๊วยแป๊ะแปะมีความจริงใจต่อเราไม่เคยเปลี่ยนผันมาก่อน แต่เราลำพองเหลวไหล

ทรยศอาจารย์หันหลังให้แก่สำนัก ก่อเหตุเภทภัยมากมาย หากแม้นสุดท้ายเราหลงเดินทางผิด ไหนเลยมีวันจูงมือกับเขาเข้าสู่ตัวเมืองเช่นนี้”

นึกถึงตอนนี้ถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นยะเยียบจนชุ่มไปทั้งแผ่นหลัง

หากไม่ผ่านเหตุการณ์อันหนักหนาสาหัสตั้งแต่เข้าเกาะดอกท้อ ออกจากเกาะดอกท้อ ขึ้นเขาจงน้ำ หนีเข้าสำนักสุสานโบราณ ได้รับการฝึกวิชาฝีมือจากเซียวเล้งนึ่ง ไหนเลยเอี้ยก่วยจะมีอะไรติดตัวอย่างหนักแน่นเป็นจริงได้เพียงนี้

ที่สำคัญคือสถานการณ์ในงานเลี้ยงฉลองชัย

 

คํ่าคืนนั้นจวนข้าหลวงจัดงาน ลื่อบุ้นเต็กเชื้อเชิญเอี้ยก่วยนั่งที่นั่งตัวแรก เอี้ยก่วยไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินยอม เกี่ยงงอนเป็นเวลานาน

ในที่สุด ยกให้อิดเอ็งไต้ซืออยู่อันดับแรก

รองลงมาเป็นจิวแป๊ะทง อึ้งเอี๊ยะซือ ก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง แล้วค่อยเป็นเอี้ยก่วย เซียวเล้งนึ่ง เย่ลุกชี้

สุราผ่านไปหลายรอบ ขุนนาง แม่ทัพ คหบดีภายในเมือง พากันมาคารวะสุราต่อก๊วยเจ๋ง เอี้ยก่วยและพวก ยกย่องเยินยอเหล่าผู้กล้า ประกอบความดีความชอบยิ่งใหญ่ มีวิทยายุทธ์ไร้ผู้ต่อต้าน ก๊วยเจ๋งหวนนึกถึงพระคุณของสำนักอาจารย์

“ครั้งกระโน้นหากมิใช่คูเต้าเจี้ยงแห่งสำนักช้วนจินถือคุณธรรม ซือแป๋ผู้มีพระคุณทั้ง 7 เดินทางไกลถึงมองโกล

กอปรกับอึ้งอึ้งซือ (ปรมาจารย์ผู้มีพระคุณแซ่อั้ง) ให้การอบรมสั่งสอน เราก๊วยเจ๋งไหนเลยประกอบความดีความชอบน้อยนิดนี้ได้ แต่วันนี้พวกเราร่วมชุมนุมดื่มกัน ซือแป๋ผู้มีพระคุณของข้าพเจ้านอกจากกัวเล่าอึงซือ (อาจารย์ผู้เฒ่าที่มีพระคุณแซ่กัว) แล้ว ท่านอื่นล้วนลาโลกไป ทำให้ผู้คนเศร้าเสียใจนัก”

อิดเอ็งไต้ซือและพวกล้วนสะทกสะท้อนรันทด

ก๊วยเจ๋งกล่าวต่อ “สถานการณ์ใหญ่ในที่นี้เมื่อคลี่คลาย วันพรุ่งข้าพเจ้าคิดเดินทางไปยังฮั้วซัวเพื่อเซ่นไหว้หลุมฝังศพของซือแป๋ผู้มีพระคุณ”

“ทั้งหมดร่วมทางกันโดยพร้อมเพรียงเป็นอย่างไร” เป็นคำถามจากเอี้ยก่วย

 

ที่ว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษเป็นเช่นนี้เอง กิมย้งจัดวางบทบาทของเอี้ยก่วยอย่างเหมาะสมหลังจากมันคิดตกในหลายๆ เรื่อง

เรื่องหนึ่ง คือเรื่องอันเกี่ยวกับบิดาของมัน

เรื่องหนึ่ง คือเรื่องอันเกี่ยวกับความกินแหนงแคลงใจระหว่างเอี้ยก่วยกับก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง ที่ตกทอดมาตั้งแต่ยุคเอี้ยคัง บิดาของมัน

เรื่องหนึ่ง คือการได้พบประสบกันอีกครั้งกับเซียวเล้งนึ่งหลังจากพราก 16 ปีเต็ม

เส้นทางของเอี้ยก่วยก็ไปโลด และได้เข้าร่วมในการต่อสู้ขับไล่มองโกลอย่างแข็งขันเป็นที่ประจักษ์แก่สายตา