เรื่องเล่าท่านมหาจันทร์ : เรื่อง พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ ว่าด้วย ตาเกิด ยายเกิด

ทุกอย่างเริ่มต้นจาก ชาติ คือ ความเกิด เพราะหากไม่มี ชาติ ไม่มี ความเกิด ก็ยากที่จะมี ชรา และมรณะ ตามมาได้

บางท่านจึงว่าเพราะมี การเกิด จึงมี ทุกข์

หากไม่มี ชาติ หากไม่มี การเกิด ก็มิอาจมีความทุกข์ติดตามมาให้ทน และให้ทนได้ด้วยความยากลำบาก

การเกิดจึงเป็นกำเนิดแห่งสิ่งอื่นๆ ทั้งสิ่งที่ดี ทั้งสิ่งที่ไม่ดี

อย่าได้แปลกใจไปเลย หาก พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจันโท จันทร์) จะเริ่มแสดงธรรมเทศนาจาก ตาเกิด ยายเกิด เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของสรรพสิ่ง

ความสัมพันธ์ระหว่าง ชาติ ชรา มรณะ จึงเป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญและทรงความหมายเป็นอย่างสูง

ต้องอ่าน

 

ตัวของเราจะเรียก ตาเกิด ยายเกิด ก็ได้ ไม่ผิด

เมื่อเกิดแล้วก็มี แก่ คือ ตัวเราแก่อยู่เสมอ แก่วัน คืน เดือน ปี ทุกขณะลมหายใจ จะเรียกตัวเราว่า ตาแก่ ยายแก่ ก็ได้เหมือนกัน

ความแก่ ก็เป็น ปัจจุบันธรรม

ความเจ็บไข้เป็น ปัจจุบันธรรม ติดตัวเรามาเสมอ

หากเราเป็นหมอที่ฉลาด วิเศษวิโส เมื่อโรคคือ ความหิว เป็นต้น เกิดขึ้น รับประทานยา คืออาหารเสียก็หาย

นานๆ ก็กำเริบขึ้นใหม่ เราก็รับประทานอีก

แม้อาการ ยืน เดิน นั่ง นอน ก็เป็นโรคแต่ละอย่าง ต้องคอยแก้ไขกันอยู่เสมอ

นี่เป็นโรคธรรมดาที่มีประจำตัวอยู่ทุกเมื่อ เรารักษาเองก็หาย ส่วนโรคที่จรมารักษาลำบาก ต้องวิ่งไปหาหมอโรงพยาบาลให้ช่วยรักษา

ส่วน ความตาย เล่า เราก็ตายอยู่เสมอ

ความหายไป หายไป เรียกว่า ความตาย เช่น เด็ก หนุ่มสาว กลางคน หายไป หายไป จะเรียกกลับคืนมาดูหน้าอีกไม่ได้

เรียกว่า ตาย

 

เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นปัจจุบันธรรม เป็นของธรรมดา เมื่อเกิดวันใด แก่ เจ็บ ตาย ก็เกิดพร้อมกันในวันนั้น

นับแต่วันตั้งประถมปฏิสนธิวิญญาณมาหมุนเวียนเปลี่ยนกันไปเสมอ

เพราะฉะนั้น ตัวของเราจะเรียกว่า ตาเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็ได้

เมื่อเรารู้ปัจจุบันธรรมเช่นนี้แล้ว ตัว ภวตัณหา ก็ดับ เมื่อ ภวตัณหา ดับแล้ว กามตัณหา วิภวตัณหา ซึ่งเป็นพวกของเขาก็ดับไปตามๆ กัน

ความรู้ว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย มีอยู่ในตัวของเราเป็นนิตย์ เป็นตัวมรรค

มรรคให้ผลเป็นนิโรธ เมื่อตัณหาดับ ก็เกิดความรู้จริง เห็นแจ้งขึ้น พระพุทธเจ้าพระองค์เป็นผู้รู้เอง เห็นเอง

พระองค์ทรงสั่งสอนให้กลับ ชาติ ชรา มรณะ เป็นมรรคทั้ง 8 ประการ

คือ สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ 1 สัมมาสังกัปโป ความดำริชอบ 1 สัมมาวาจา วาจาชอบ 1 สัมมากัมมันโต การงานทางกายชอบ 1 สัมมาอาชีโว เลี้ยงชีพชอบ 1 สัมมาวาโย ความพยายามชอบ 1 สัมมาสติ ระลึกชอบ 1 สัมมาสมาธิ ตั้งจิตไว้ชอบ 1

เมื่อ มรรค มีแล้วเกิดผลเป็นนิโรธ คือความดับตัณหา เมื่อเป็นผู้ดับตัณหาได้แล้ว ทุกข์ก็ดับ นับว่าเป็นผู้ถึงพระพุทธคุณ คือ สัมมาสัมพุทโธ ผู้ตรัสรู้ดีโดยชอบ

การเห็นอย่างนี้ยังไม่ใช่มรรคผลนิพพานทีเดียวเป็นแต่วิปัสสนาปัญญาเท่านั้น

เพราะอริยสัจทั้ง 4 ท่านจัดไว้ในวิปัสสนาภูมิ การบรรลุมรรคผลนิพพานเป็นส่วนของผู้ปฏิบัติจะพึงรู้เฉพาะตน

 

ถึงแม้ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจันโท จันทร์) จะเน้นอย่างหนักแน่นในเรื่องความสัมพันธ์ ชาติ ที่ยึดโยงไปยัง ชรา และ มรณะ

กระนั้น สำหรับคนหนุ่มสาวยากอย่างยิ่งที่จะตระหนักรู้อย่างเป็นจริง

มีแต่คนที่เดินใกล้กับความชรา และแตะสัมผัสกับมรณะอยู่เป็นประจำเท่านั้นแหละที่จะบังเกิดความสำเหนียก

สำเหนียกและมองเห็นเกือบสัมผัสได้ในความเป็นจริงของ ชรา มรณะ ที่คืบคลานเข้ามาอย่างยะเยียบเย็น

กระทั่งไม่กลัวที่จะบรรลุถึง