ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 เมษายน 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | Technical Time-Out |
เผยแพร่ |
เป็นอันว่าศึกบาสเกตบอลเอ็นบีเอช่วงเพลย์ออฟฤดูกาลนี้จะไม่มีชื่อของ “เลอบรอน เจมส์” ยอดฟอร์เวิร์ดชื่อก้องร่วมแข่งขันเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี หลังจาก “แอลเอ เลเกอร์ส” สังกัดใหม่ของเจมส์หมดสิทธิทำสถิติติด 1 ใน 8 ของสายตะวันตกเพื่อคว้าโควต้าแน่นอนแล้ว
ที่ผ่านมา “คิงเจมส์” ผ่านเข้าไปเล่นรอบเพลย์ออฟได้ถึง 13 ฤดูกาลติดต่อกัน ตั้งแต่สมัยอยู่ “คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส” ต่อด้วย “ไมอามี ฮีต” และกลับไปอยู่กับคาวาเลียร์สอีกครั้ง
นอกจากนี้ เขายังพลาดสานต่อสถิติเข้าชิงเอ็นบีเอที่ต่อเนื่องมาถึง 8 ฤดูกาลติดต่อกันอีกด้วย
ปัญหาใหญ่ของเจมส์ในฤดูกาลนี้คืออาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อฉีกเล็กน้อยบริเวณขาหนีบข้างซ้ายซึ่งเป็นมาตั้งแต่วันคริสต์มาสปีที่แล้ว ทำให้เขาพลาดลงสนามต่อเนื่องถึง 17 เกม ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของเจ้าตัวที่พักเพราะอาการเจ็บนานขนาดนี้ตั้งแต่เล่นบาสอาชีพมา
ด้วยอายุที่ใกล้จะ 35 ปี สภาพร่างกายที่เสื่อมถอยลงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แต่ถึงอย่างนั้น เลเกอร์สก็ยังประวิงเวลาเล่นอยู่อีกหลายนัดแม้จะพลาดตั๋วไปชัวร์แล้ว ทางทีมจึงประกาศว่าเจมส์จะ “ปิดเทอม” ไม่กลับมาลงแข่งขันอีกในช่วงฤดูกาลปกติที่เหลืออีก 6 นัด
สาเหตุหนึ่งของปัญหาบาดเจ็บเรื้อรังของเจมส์คือ การเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนเลเกอร์สแทบจะหนึ่งเดียวตั้งแต่ย้ายร่วมทีมเมื่อต้นฤดูกาล
กรณีนี้แตกต่างจากเมื่อคราวอยู่กับฮีตที่มีสตาร์ดังอย่างดเวย์น เวด และคริส บอช” มาเป็นสามประสานในเกม หรือตอนอยู่กับคาวาเลียร์สรอบหลังทั้งเควิน เลิฟ และไครี่ เออร์วิ่ง ก็ยกระดับเกมของตัวเองขึ้นมาแบ่งเบาภาระได้มาก
ส่วนกรณีของเลเกอร์สตอนนี้ยังไม่มีใครโดดเด่นขึ้นมาพอจะช่วยเจมส์ได้ ทำให้เขาต้องแบกภาระหนักอยู่คนเดียวเสียเป็นส่วนใหญ่ เมื่อได้รับบาดเจ็บแล้วก็ยังฝืนลงเล่นอยู่หลายนัดทำให้อาการเจ็บแย่ลง
ในช่วงแรกที่เจมส์ยังเล่นได้ปกติ เลเกอร์สสถิติดีถึงขั้นมีลุ้นเข้าไปเล่นรอบเพลย์ออฟที่ห่างหายมาหลายปี และในแง่สถิติส่วนบุคคลก็ถือว่ายังยอดเยี่ยม
โดยเฉลี่ยฤดูกาลนี้ เจมส์ทำได้ 27.4 แต้ม เป็นสถิติสูงสุดอันดับ 2 ตั้งแต่เจ้าตัวเล่นบาสอาชีพมา
นอกจากนี้เขายังมีสถิติเฉลี่ยต่อนัด 8.5 รีบาวด์ (สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของเจ้าตัว) และ 8.3 แอสซิสต์ (สูงสุดเป็นอันดับ 4) อีกด้วย
ด้วยนิสัยความเป็นผู้นำ ทำให้เขาไม่ยอมหยุดเล่นง่ายๆ ถึงทีมจะพลาดตั๋วไปแล้ว และแม้เลเกอร์สจะยืนยันแล้วว่าเขาจะไม่กลับไปลงสนามอีก แต่เจมส์ก็ยังเดินทางร่วมกับทีมในทุกนัดที่เหลือเพื่อให้คำแนะนำและเป็นกำลังใจให้น้องๆ ในทีม
แม้ฤดูกาลแรกกับเลเกอร์สจะน่าผิดหวัง แต่ด้วยภาษากายและความมุ่งมั่นของเลอบรอน เจมส์ แสดงให้เห็นว่า เขายังมีความหวังว่าทีมคนหนุ่มทีมนี้จะไปต่อได้ และฟื้นคืนความยิ่งใหญ่หลังจากโรยรานับตั้งแต่ปลายยุคของตำนานอย่างโคบี้ ไบรอันต์
อย่างไรก็ตาม ถ้าเพื่อนร่วมทีมไม่เร่งยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นมา หรือผู้บริหารไม่สามารถดึงตัวผู้เล่นฝีมือดีมาเสริมทัพในการเทรดและดราฟต์ตัวหลังจากนี้ ก็เกรงว่าเจมส์จะยิ่งต้องรับภาระหนักมากขึ้น
ด้วยสภาพร่างกายและอายุอานามเวลานี้ ถ้ายังฝืนร่างกายก็อาจส่งผลในระยะยาวให้เขาต้องอำลาวงการก่อนเวลาที่เจ้าตัวคาดหวังไว้
เพราะเจมส์ฝันมาตลอดว่าจะเล่นบาสเอ็นบีเอร่วมทีมเดียวกับลูกชาย “เลอบรอน เจมส์ จูเนียร์” หรือ “บรอนนี่” ที่วันนี้อายุ 15 ปี
ต้องรออีกราว 4-5 ปีกว่าที่บรอนนี่จะพร้อมยืนหยัดในสนามเดียวกับผู้เป็นพ่อ
ถึงเวลานั้นเจมส์จะถนอมร่างกายรออยู่ไหวหรือไม่ แฟนๆ คงได้แต่เอาใจช่วยไม่ให้เขาฝืนจนเกินไปในเวลานี้