‘บิ๊กตู่’ ไม่แน่ใจผู้แทนทูต 12 ประเทศ สังเกตการณ์คดี ‘ธนาธร’ ตัวจริงหรือเปล่า ชี้ขึ้นศาลทหารเพราะเป็นคดีเก่า

เมื่อวันที่ 9 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สำหรับประเด็นทางการเมือง อยากให้รอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผลอย่างเป็นทางการ ซึ่ง กกต.กำลังแก้ปัญหาเป็นระยะๆ ไป เป็นเรื่องกระบวนการของกกต.

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนักการเมืองโยนข้อเสนอรัฐบาลแห่งชาติ โดยที่ต้องไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ตรงนี้มีความเห็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “มีบางคนออกมาพูดเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ มันใช่หรือไม่ จะไปได้อย่างไรยังไม่รู้เลย กฎหมาย รัฐธรรมนูญ เขาเขียนว่าอย่างไร กฎหมายเลือกตั้งว่าอย่างไร รัฐบาลจะมาจากไหน อะไรต่างๆ ขั้นตอนยังไม่จบ ฉะนั้นต้องไปดูว่าวัตถุประสงค์ของการออกมาพูดเพื่อต้องการอะไร ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ใครที่จะนึกอยากกำหนดกติกาขึ้นมาใหม่ อะไรก็ได้ มันคงไม่ได้ทั้งหมด ต้องดูกฎหมาย ทำความเข้าใจกับกฎหมายให้ดี” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่ามองการเชิญตัวแทนทูต 12 ประเทศร่วมสังเกตการณ์คดี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถือเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นตัวแทนทูตจริงหรือเปล่า ตอนนี้ให้กระทรวงการต่างประเทศติดตามอยู่ โดยพูดคุยกับเอกอัคราชทูตต่างๆ ตนไม่อยากให้เกิดความขัดแย้ง เพราะเราจำเป็นต้องอยู่ในโลกใบนี้เช่นเดียวกัน ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือเราปฏิบัติตามทุกอย่างในเรื่องของรัฐธรรมนูญไทย กฎหมายไทย ซึ่งทุกเรื่องเป็นเรื่องของกฎหมายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นคดีเก่า คดีใหม่ รวมถึงเรื่องศาลทหารก็เกิดขึ้นมานานแล้ว และคดีนี้เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 ซึ่งระหว่างนั้นมีการใช้คำสั่งอยู่ แต่หลังจากนั้นเราได้มีการปลดล็อกไปแล้วคำสั่งนี้ แต่ในช่วงนั้นบ้านเมืองยังไม่สงบ ไม่เรียบร้อย ก็มีความจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษในช่วงนั้น และเมื่อเราปลดล็อกแล้ว และปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว ก็ไม่สามารถจะทำย้อนขึ้นไปข้างบนได้ เว้นแต่ว่าหลังจากนั้นมาก็ไม่เข้ากระบวนการศาลทหาร ซึ่งศาลทหารเรามีมาหลายสิบปี ไม่ได้มาตั้งใหม่สมัยรัฐบาลตน ซึ่งก็จำเป็น สถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างนั้น

“เรื่องของต่างประเทศก็ต้องคุยกันต่อไป ให้เขาเข้าใจในเรื่องประเด็นเหล่านี้ด้วย ก็ไม่อยากให้เอาอะไรมาพันกันไปมา ต้องมองวัตถุประสงค์คนที่เชิญ คนที่มา คนที่นำมา อะไรก็แล้วแต่ ผมไม่อยากให้คนไทยไปคล้อยตามมากนัก เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมของเราเอง ถ้าเราไม่เชื่อมั่นและยึดถือกระบวนการยุติธรรมของเรา มันก็เป็นโอกาสที่ใครจะแทรกแซงเข้ามา จะด้วยความหวังดีหรือไม่หวังดีก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็ต้องทำความเข้าใจกันต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฉะนั้นการเลือกตั้งคือการเลือกตั้ง การมีรัฐบาลก็ต้องเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก็สุดแล้วแต่ ขอให้รอวันประกาศผลรองรับไม่เกินวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดอยู่ หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล เปิดสภา อะไรก็ว่ากันไปตามกำหนดเวลาที่มีอยู่แล้ว ขอให้ดูตรงนั้น ถามกันทุกวันๆ จะได้อะไร มีแต่จะยิ่งขัดแย้งกันมากยิ่งขึ้น ใครจะพูดอะไรต่างๆ ก็ตาม ขอให้คิดดูว่าเขาพูดเพื่ออะไร หวังผลอะไรหรือเปล่า ถ้าเขาคิดอย่างนี้ ผมก็ไม่ไปทะเลาะกับเขาหรอก เพราะตนยึดมั่นในหลักการของประชาธิปไตย ยึดมั่นตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตนก็เดินไปตามนั้นหมด มาโดยตลอด ขอให้ช่วยกันลดความขัดแย้งลงให้มากหน่อย วันนี้อย่าไปขัดแย้งกับต่างประเทศเขาอีกเลย มันอยู่ที่คนของเราไปทำอะไรกันมาละ ฉะนั้นเรื่องอะไรที่เป็นของเราก็เป็นของเรา แก้ปัญหาของเราภายในประเทศให้ได้ก็แล้วกัน หากเป็นอย่างนี้อีกหน่อยต้องให้ต่างประเทศมาแก้ให้เราทุกเรื่องเลยหรืออย่างไร ทั้งที่มันเป็นเรื่องของเรา กฎหมายของเรา กระบวนการยุติธรรมของเรา เราต้องภูมิใจในความเป็นชาติของเรา

มติชนออนไลน์