”แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ” กระดูกชิ้นโตในปากพลังประชารัฐ

เหลืออีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงวันที่กำหนดให้คนไทยผู้มีสิทธิ์มีเสียงกว่า 50 ล้านคนได้เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี

ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ร้อนระอุยิ่งกว่าอุณหภูมิเมืองไทยเวลานี้ แต่ละพรรคเตรียมงัด “ไม้ตาย” เพื่อเรียกคะแนนนิยมในช่วงโค้งสุดท้าย แน่นอนว่านโยบายลูกเด็ดที่ทุกพรรคชูต่างเป็นอันดับหนึ่งหนีไม่พ้น “นโยบายทางด้านเศรษฐกิจ” เพื่อแก้ปัญหาปากท้องให้กับชาวบ้าน เรียกว่าเป็นตัวชูโรงสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นให้เข้าคูหากาเบอร์ที่ชอบกันได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

หนึ่งในพรรคที่ค่อนข้างได้เปรียบอย่าง “พลังประชารัฐ” ด้วยการประกาศเดินหน้าสานต่อ “แก้หนี้นอกระบบ” ซึ่งเป็นโครงการที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ บอกว่าภูมิใจอย่างยิ่ง เพราะวางรากฐานไว้เป็นอย่างดี ซึ่งกำลังส่งผลต่อเนื่องในระยะยาว

เนื่องจากหนี้นอกระบบเป็นปัญหาระดับชาติ ผ่านมากี่ยุคกี่สมัย ก็ไม่เคยมีรัฐบาลใดสามารถแก้ไขได้ ทำได้ก็เพียงเยียวยาเป็นบางส่วน งานนี้จึงน่าจะมัดใจชาวบ้านร้านตลาดได้ไม่ยาก

พูดถึงโครงการหนี้นอกระบบ เมื่อย้อนกลับไปดูก็จะพบว่า เป็นโครงการที่วางแผนกันตั้งแต่ปี 2560 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม รับหน้าที่ดูแลและขับเคลื่อนการแก้ปัญหาให้เกิดขึ้นจริง

พร้อมกับจัดตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน” หรือ “ศปฉช.” เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้เป็นศูนย์

เท่ากับว่า พลเอกประยุทธ์ตั้งใจ “คืนความสุขให้กับประชาชน” ด้วยการปลดหนี้ นอกเหนือจากคืนความสุขทุกคืนวันศุกร์ (ฮา)

จะว่าไป การที่โครงนี้กลายเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่สำหรับบรรดาพรรคการเมืองคู่แข่งก็คือ ภาพของโครงการที่ประสบความสำเร็จ เห็นผลเป็นชิ้นเป็นอัน จับต้องได้จริง และมีการดำเนินงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ที่สำคัญไม่ได้จบลงเพียงแค่ครั้งเดียว แต่ทยอยปลดหนี้ทีละจังหวัด ต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ

ไม่ได้โม้…แต่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน พี่น้องประชาชนก็ได้รับประโยชน์กันเต็มๆ จากโครงการนี้

แต่ถ้าจะถามว่าถ้าครั้งนี้พรรคพลังประชารัฐไม่ได้รับความไว้วางใจจากพีน้องประชาชนให้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ถ้าเป็นพรรคอื่นได้มาเป็นรัฐบาลแทน จะสามารถดำเนินโครงการแก้ไขหนี้แบบที่รัฐบาลชุดนี้ทำอยู่ได้หรือไม่นั้น

คงต้องตอบแบบซื่อๆ ว่าทำได้ แต่จะทำให้เหมือนกับโครงการของรัฐบาลนี้แบบเป๊ะๆ คงเป็นไปได้ยาก เพราะโครงการนี้คือการใช้อำนาจรัฐสั่งการลงไปโดยตรง เป็นการบูรณาการขับเคลื่อนผ่านการประสานพลังระหว่าง รัฐบาล ทหาร และตำรวจ

หัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญก็คือสองขุนพล อย่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. เป็นผู้ลงมือลงแรงในภาคปฏิบัติ

โดยเริ่มจากขั้นตอนที่ประนีประนอมอย่างการเรียกลูกหนี้และเจ้าหนี้นอกระบบมาเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อหาทางออกร่วมกัน คู่กรณีไหนที่เจรจาต๊าอ่วยกันได้ก็จะทำการปลดหนี้คืนโฉนดที่ดินให้กับลูกหนี้ ไม่มีการถูกเอารัดเอาเปรียบอีกต่อไป

นอกจากนี้ก็ยังมีการลงพื้นที่เข้าตรวจสอบปราบปรามกิจการหนี้นอกระบบ มีการดำเนินการทางกฏหมายอย่างจริงจังกับแหล่งเงินทุนที่ทำผิดกฎหมาย

ส่วนเจ้าหนี้ที่กลับใจ อยากเปลี่ยนบทบาทจากผู้ร้ายมาเป็นพระเอก ก็มีการเปิดหลักสูตรอบรมที่ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยทำการอบรมพร้อมขึ้นทะเบียนนายทุนเงินกู้ มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ชัดเจน เพื่อสร้างแหล่งเงินกู้ที่เป็นธรรมและถูกกฎหมาย เพื่อช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน เป็นการตอบแทนสังคมอย่างหนึ่ง

น่ายินดีที่การดำเนินการดังกล่าวได้ส่งผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน เมื่อบิ๊กป้อมตระเวณเดินสายทั่วประเทศเพื่อมอบทรัพย์สิน และส่งคืนที่ดินให้ประชาชนหลายครั้ง โดยมีพี่น้องที่เข้าร่วมโครงการได้รับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบมากกว่า 20,000 ราย มูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 20,500 ล้านบาท

พื้นที่เกือบ 48,000 ไร่ ได้รับการส่งมอบคืนผ่านโฉนดที่ดินจำนวนทั้งหมด 16,004 ฉบับ ส่งผลให้โครงการนี้กลายเป็นกลีบกุหลาบที่ถูกโรยไว้ล่วงหน้าก่อนการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

จากที่กล่าวมาทำให้เห็นได้ทันทีว่า กระดูกชิ้นโตที่ยังงับอยู่ในปากพรรคพลังประชารัฐ คงยากที่ใครจะแย่งไปได้

ด้วยความหวังดี พรรคไหนที่กำลังจะชูนโยบายเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายควรต้องนำประเด็นนี้มาพิจารณาอย่างรอบคอบ จะกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจอย่างไรให้น่าสนใจกว่าการแก้หนี้นอกระบบ ที่กำลังแผ่ขยายไปเรื่อยๆ

ผู้ว่าจ้าง : พรรคพลังประชารัฐ
พรรคพลังประชารัฐ 130/1 ซอยรัชดาภิเษก 54 ถนนรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
ผู้จัดทำ : บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) 12 ถนนเทศบาลนฤมาล หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร 10900
วันที่ผลิต 15 มี.ค. 62 จำนวน 1 ชุด ตามวันเวลาที่ปรากฏ ที่ส่งมาในครั้งนี้ วันที่โพสต์ 15 มี.ค. 62