“สมคิด” จี้ การท่าเรือฯเร่งสปีดหลายโปรเจ็กต์ อยากเห็น”สมาร์ท คอมมูนิตี้” ลงเสาปีหน้า

ที่อาคารทำการการท่าเรือแห่งประเทศไทย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมกิจการการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่า จากการพูดคุยกับการท่าเรือฯพบว่ายังมีหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการขับเคลื่อน อาทิ โครงการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง เฟด 3 ซึ่งได้รับการยืนยันจากการท่าเรือว่าสิ้นเดือนมีนาคมนี้จะทราบผลารเจรจา ได้ผู้ชนะการประมูลโครงการในเดือนพฤษภาคมนี้

สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพ ที่ถือเป็นท่าเรือที่เจริญที่สุดในขณะนี้ มีมูลท่าที่ดินสูงประมาณ 8 แสนล้านบาท จากจำนวนที่ดินทั้งหมด และตั้งอยู่ในบริเวณที่มีน้ำลึกสามารถนำเรือขนาดใหญ่มาจอดเทียบท่าได้ มีศักยภาพเชิงการค้าค่อนข้างมาก ซึ่งการท่าเรือฯ มีแผนจะพัฒนาครั้งใหญ่ โดยทำให้ท่าเรือกรุงเทพเป็นแหล่งนำนักท่องเที่ยวเข้ามาสู่ประเทศไทย รวมถึงจะพัฒนาเป็นคอมเพล็กซ์เพื่อเพิ่มผลตอบแทนกลับสู่พื้นที่มากขึ้น ทั้งนี้จะสนับสนุนให้มีการขายหุ้นไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ให้กับประชาชน ซึ่งโครงการนี้ไม่จำเป็นต้องทำแผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและเอกชน (พีพีพี) เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้ลดภาระของภาครัฐลง

“ในส่วนของโครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัยให้เป็น สมาร์ท คอมมูนิตี้ ครบวงจร ซึ่งมีงบประมาณทั้งโครงการ 14,885 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณการก่อสร้าง 8,267 ล้านบาท และมีพื้นที่ทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 2,353 ไร่ โดยการท่าเรือฯได้วางเป้าหมายที่จะสร้างโครงการไว้ในปี 2564 แต่ได้มีการสั่งการให้ทางการท่าฯ ไปทบทวนแผนการก่อสร้างใหม่โดยขอความร่วมมือให้มีการกำหนดการก่อสร้างภายในปี 2563 ส่วนในเรื่องของการสร้างที่อยู่อาศัยขึ้นมาทดแทนให้กับประชาชนมองว่าไม่จำเป็นต้องสร้างให้มีความหรูหรา ทั้งนี้ทางการท่าฯต้องตัดสินใจ หาทีมที่ปรึกษาที่มีคุณภาพ” นายสมคิดกล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า นอกจากนี้ ได้กำชับให้การท่าเรือฯ ดูแลในเรื่องของความเป็นอยู่ของประชาชน เนื่องจากบริเวณที่ตั้งท่าเรือกรุงเทพฯ มีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงต้องดูแลให้เกิดการอยู่ร่วมกันกับโครงการของเราได้ และส่งเสริมให้มีการเจริญเติบโตไปพร้อมๆกัน และได้กำชับว่าอย่าทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน

นอกจากนี้ ยังมีในเรื่องของการพัฒนาท่าเรือระนอง โดยมีงบประมาณรวมทั้งสิ้น 5,471 ล้านบาท ซึ่งต้องการให้มีความเชื่อมโยงกับรถไฟรางคู่เส้นทางชุมพร-หลังสวน หากมีการเชื่อมโยงเส้นทางนี้ได้สินค้าที่ผลิตในประเทศไทย ก็สามารถขนส่งไปสู่ทะเลอันดามัน และทะเลจีนใต้ บังคลาเทศ และศรีลังกา ซึ่งเป็นอีกเป้าหมายหลักที่ต้องการจะทำ และจะมีการพัฒนาไปสู่ เฟด 2 โดยจะขยายพื้นที่ไปยังทางใต้ของ จ.ระนอง ที่เป็นเขตน้ำลึกที่สามารถสร้างท่าเรือขนาดใหญ่ และขยายไปสู่การเป็นท่าเรือขนส่งระดับโลกซึ่งโครงการนี้ถือเป็นโครงการใหญ่ที่จะเชื่อมเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (เอสอีซี) อีกด้วย

“ถึงแม้ว่าแต่ละโครงการที่ภาครัฐ กำลังขับเคลื่อนอยู่นี้ จะเป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่เชื่อว่าจะไม่เกิดความล่าช้าในเรื่องของขั้นตอนการดำเนินการแน่นอน โดยโครงการที่รัฐฯกำลังผลักดันอยู่นี้ ถือเป็นโครงการที่ดีต่อประเทศ จึงต้องเร่งให้เกิดปลอย่างเป็นรูปธรรมอย่างเร็วที่สุด” นายสมคิดกล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า ส่วนในเรื่องของการประมูลท่าเรือแหลมฉบัง เฟด 3 รอบ 2 มั่นใจว่าจะได้ผู้ประมูลแน่นอน เบื้องต้นคาดว่าจะมีมายื่นเสนอซองประมูลไม่ต่ำกว่า 2 ราย ซึ่งคาดว่าหนึ่งในนั้น จะมี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมด้วย ซึ่งอาจจะดึงเอกชนเข้ามาประมูลรวมกัน ทั้งนี้ ยังหวังให้มีนักลงทันต่างชาติหรือบริษัท โลจิสติกส์ขนาดใหญ่ เข้ามาร่วมประมูลในครั้งนี้ด้วย

“ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่อยากจะให้เป็นอยู่แล้ว ซึ่งโครงการทุกโครงการที่รัฐบาลกำลังเร่งพัฒนา ก็มีการเชื่อมโยงกันทั้งหมด มองว่าทุกโครงการในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีนักลงทุนให้ความสนใจ รวมถึงมีการเร่งพัฒนาให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว” นายสมคิดกล่าว

มติชนออนไลน์